วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2567

ประกันสังคมย้ำนายจ้าง แจ้งเข้า – แจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้างล่าช้า ระวัง! มีโทษเทียบปรับตามกฎหมาย

ประกันสังคมย้ำนายจ้าง แจ้งเข้า – แจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้างล่าช้า

ระวัง! มีโทษเทียบปรับตามกฎหมาย

          นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังมีนายจ้างสถานประกอบการหลายแห่ง แจ้งเข้างานและแจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้างล่าช้า ทำให้ข้อมูลในระบบฐานทะเบียนไม่เป็นปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์ล่าช้า รวมถึงทำให้สำนักงานประกันสังคมต้องจ่ายค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่สถานพยาบาลเกินจริง

          สำนักงานประกันสังคม ขอย้ำ หน้าที่นายจ้างตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 กำหนดให้นายจ้างที่มีลูกจ้างทำงานในสถานประกอบการ ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป หรือ กรณีมีลูกจ้างเข้าทำงานใหม่ นายจ้าง ต้องแจ้งขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน (สปส.1-03) ต่อสำนักงานประกันสังคม ดังนี้

          - นายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ยื่นแบบที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 

          - นายจ้างที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนภูมิภาค ให้ยื่นแบบขึ้นทะเบียนได้ที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา 

          โดยนายจ้างมีหน้าที่ต้องขึ้นทะเบียนลูกจ้างเป็นผู้ประกันตนภายใน 30 วัน นับจากวันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน

          - กรณีที่มีลูกจ้างลาออกจากงาน ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน (สปส.6-09) พร้อมระบุสาเหตุการออกจากงาน

          - กรณีที่ผู้ประกันตนเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง ให้นายจ้างยื่นแบบแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงผู้ประกันตน (สปส.6-10) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปสามารถดำเนินการได้ที่ระบบ e-Service ของสำนักงานประกันสังคม หรือ www.sso.go.th ได้ทันที

           นายบุญสงค์ กล่าวต่อไปว่า ขอให้นายจ้างรีบดำเนินการแจ้งเข้างานและแจ้งลาออกจากงานให้ลูกจ้าง ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ข้อมูลในระบบฐานทะเบียนเป็นปัจจุบัน และลูกจ้างจะได้ไม่พลาดสิทธิความคุ้มครองตามกฎหมายประกันสังคม และหากพบนายจ้างมีเจตนาหลีกเลี่ยง บ่ายเบี่ยง ล่าช้า จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที (โทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) จึงขอความร่วมมือให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทั่วประเทศ หรือที่สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง     


วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2567

นักธุรกิจ 49 ประเทศชมงาน "STYLE Bangkok 2024" ยอดขายทะลุเป้าเกินความคาดหมาย

นักธุรกิจ 49 ประเทศชมงาน "STYLE Bangkok 2024" 

ยอดขายทะลุเป้าเกินความคาดหมาย

สร้างรายได้กว่า 1,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7

         ประสบสำเร็จอย่างงดงามสำหรับงาน  "STYLE Bangkok 2024" มหกรรมแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นชั้นนำของเอเชีย ซึ่งจัดขึ้นโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่่ 20-24 มีนาคม 2567 โดยประกาศความสำเร็จที่เหนือความคาดหมายด้วยมูลค่าการค้าและจำนวนผู้เข้าชมงาน


           โดยมูลค่าการค้าตลอด 5 วัน สามารถสร้างรายได้กว่า 1,756 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.7 จากมูลค่าการค้าของครั้งก่อน ในส่วนของมูลค่าการค้าวันเจรจาธุรกิจ ทั้งมูลค่าจากยอดสั่งซื้อทันทีและจากที่จะสั่งซื้อภายใน 1 ปี อยู่ที่  กว่า 1,732 ล้านบาท ยอดขายในวันสำหรับประชาชนทั่วไปอยู่ที่  กว่า 24 ล้านบาท ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นของไทย


                        

         นอกจากนี้ จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมงานตลอด 5 วัน กว่า  25,000ราย จาก 49 ประเทศ/เขตการค้า เพิ่มขึ้นจากครั้งก่อนร้อยละ 4.40 ทำให้ประจักษ์ได้ถึงศักยภาพของงาน STYLE Bangkok ในการเป็นศูนย์รวมการค้าและโอกาสในการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ

        ในงาน "STYLE Bangkok" ปีนี้ หมวดสินค้าที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด ได้แก่ หมวดสินค้าแฟชั่นซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีมาก โดยมูลค่าการค้าของสินค้าในหมวดแฟชั่นเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน ร้อยละ 40.6 ตอกย้ำศักยภาพของไทยในฐานะเวทีการค้านานาชาติที่สำคัญของภูมิภาค


        รวมทั้งยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) จำนวน 2 คู่ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุน SMEs และ OTOP ภายใต้โครงการผ้าไทยใส่ให้สนุก ตามแนวพระดำริ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยการพัฒนาเพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้มีศักยภาพ และส่งเสริมต่อยอดด้านตลาดทั้งในและต่างประเทศ ประกอบด้วย 1. MOU ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กับ กระทรวงมหาดไทย และ 2. MOU ระหว่าง บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ วิชชาลัยผ้าทอหนองบัวลำภู (ศูนย์การเรียนรู้ออกแบบขวัญตา)


                                                                                                                                        นอกจากนี้ยังมีการเจรจาการค้า ระหว่าง MUJI (มูจิ) แบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น กับผู้ประกอบการไทย 5 ราย  ประกอบด้วย Prodpran Craft, Boonyarat Thaicrafts, Mallavi Limited Partnership,   Deesawat Industries Co., Ltd และ Divana Global Co., Ltd. ซี่งจะช่วยส่งเสริมและผลักดันผู้ประกอบการของไทยในตลาดโลก โดยความร่วมมือนี้เป็นการต่อยอดจากการเยือนประเทศญี่ปุ่นของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะ เมื่อเดือนธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา


         สำหรับนักธุรกิจ ผู้เข้าเยี่ยมชมจากต่างประเทศ 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในระดับโลกของงานนี้และผลกระทบเชิงบวกต่อตลาดในระดับภูมิภาค                                                                                                                                                                                                         นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กล่าวชื่นชมความสำเร็จของงานว่า “STYLE Bangkok 2024 แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในด้านแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ โดยสามารถยกระดับมรดกทางวัฒนธรรมสู่มิติใหม่ของความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ Soft Power ของไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ”


                                                                                                                                           งาน "STYLE Bangkok 2024" ได้รับการตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้แสดงสินค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่แบรนด์ที่มีชื่อเสียงในตลาดโลก SMEs รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ ต่างนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีอัตลักษณ์ของมรดกวัฒนธรรมผสมผสานกับกลิ่นอายความร่วมสมัย

              นายภูสิตกล่าวถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรมและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของงานแสดงสินค้า STYLE Bangkok ว่า “มองไปข้างหน้า เราวางเป้าหมายที่จะทำให้งาน STYLE Bangkok มีส่วนช่วยยกระดับประเทศไทยให้ก้าวขึ้นไปอยู่แถวหน้าของอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์และแฟชั่นระดับโลก การเป็นแหล่งรวมของความคิดสร้างสรรค์ การนำเสนอสินค้าที่มีดีไซน์ การทำงานร่วมกัน และการเข้าถึงตลาด คาดว่าจะช่วยส่งผลให้งาน "STYLE Bangkok" ประสบความสำเร็จต่อไปในอนาคต”


                                                                                                                                        งาน "STYLE Bangkok 2024" ได้เสียงตอบรับที่ดีจากผู้เยี่ยมชมงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ซื้อชาวต่างประเทศ เช่น Ms. Takako Kondo กล่าวว่า “มางาน STYLE Bangkok 2024 ได้รับประสบการณ์ที่ดี มีค่ามาก ได้พบสินค้าถูกใจมากมาย และพบว่า STYLE Bangkok ให้ความสําคัญกับเรื่อง SDGs ซึ่งสำคัญมาก และให้มุมมองที่แตกต่าง”  มร. David Tucker ผู้ซื้อจากซิดนีย์ ออสเตรเลีย บอกว่าเขาตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของงาน  STYLE Bangkok ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปในฮอลล์ด้วยซ้ำ  ที่จริงเขาและเจ้านายต่างมีความสนใจในผลิตภัณฑ์ประเภทของตกแต่งบ้านจากประเทศไทยมานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น สินค้าทำมือ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีความยั่งยืน “ผมคิดว่า เมื่อเราขายสินค้าให้ใคร เราจำเป็นที่จะต้องบอกเค้าได้ว่านี่เป็นสินค้าประเภทที่มีความยั่งยืนผลิตแบบออร์แกนิก ไม่สร้างปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม”

             ทนอกจากสินค้าที่โดดเด่น มากมายที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ซื้อผู้ชมงานแล้ว STYLE Bangkok 2024 ยังได้รับการตอบรับในแง่การจัดนิทรรศการที่หลากหลาย การสัมมนาให้ความรู้เชิงลึก และกิจกรรมการจับคู่ทางธุรกิจที่คึกคัก ความสำเร็จของงานเป็นอีกหนึ่งประจักษ์พยานในความมุ่งมั่นของไทยบนเส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและบทบาทของสินค้าไทยในเวทีระหว่างประเทศ    

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                       


"ฐาปนีย์" ผู้ว่า ททท. ออกรายการโหนกระแส ประชาสัมพันธ์แคมเปญ “สุขทันที...ที่เที่ยวไทย” และ “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567”

"ฐาปนีย์" ผู้ว่า ททท. ออกรายการโหนกระแส

ประชาสัมพันธ์แคมเปญ “สุขทันที...ที่เที่ยวไทย” และ “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567”  

เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ


      นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เข้าร่วมการบันทึกเทปรายการ “โหนกระแส” ณ อาคารมาลีนนท์  เมื่อวันก่อน 26 มีนาคม 2567 เพื่อประชาสัมพันธ์แคมเปญ “สุขทันที ที่เที่ยวไทย” และ “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567”  เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งจะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในวันที่ 12 เมษายน 2567


        ในโอกาสนี้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่า ททท. ได้กล่าวเชิญชวนพี่น้องชาวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เพราะเมืองไทยเที่ยวได้ทันที สุขได้ทุกวัน นอกจากนี้ยังได้ประชาสัมพันธ์เทศกาล“เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ 2567” เพิ่มเติม เนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา UNESCO ได้ประกาศให้สงกรานต์ไทยเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ปีนี้เราจะออกมาเฉลิมฉลองไปพร้อมกัน และร่วมสืบสาน รักษา ต่อยอดมรดกภูมิปัญญาประเพณีสงกรานต์ อันทรงคุณค่าของไทย ให้เกิดการสืบทอดอย่างยั่งยืน รวมถึงเป็นพลังปลุกปั้น Soft Power ไทย เพื่อเป็นแรงส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การหมุดหมายปลายทางอันดับต้นๆในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกตลอดไป

#สื่อสารองค์กรททท #สุขทันทีที่เที่ยวไทย 

#Amazingthailand #TourismAuthorityofThailand 

#Waterfestival2024 #เทศกาลวิถีน้ำไทย #เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์2567 #MahaSongkranWaterFestival2024  

#เย็นฉ่ำทั่วไทยเย็นไกลทั่วโลก #สงกรานต์2567

ทานได้ไม่อั้น "สามสหายซาชิมิพรีเมียม" ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพโรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์

ทานได้ไม่อั้น "สามสหายซาชิมิพรีเมียม" ที่ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพโรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ 

 

       ดิเอมเมอรัลด์ ค็อฟฟี่ช็อพ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ เอาใจคนรักอาหารญี่ปุ่นโดยเฉพาะสายปลาดิบกับเมนูพิเศษ “Trio Premium Sashimi” ความอร่อยที่พลาดไม่ได้ตลอดเดือนเมษายน 2567 นี้เท่านั้น


            เชิญลิ้มลองความพรีเมียมกับ “เซตสามสหายซาชิมิพรีเมียม” ด้วย “โอโทโร่” ลายไขมันสวยงาม สัมผัสเนียนนุ่มละมุนลิ้น “ฮามาจิ” เนื้อแน่น หวานฉ่ำ สดใหม่ “แซลมอน” ชิ้นหนา ลายสวย อร่อยเต็มคำ บริการรวมในบุฟเฟต์นานาชาติมื้อเย็น ทั้งซีฟู้ด ซูชิพรีเมียม พาสต้า ขาหมู ข้าวต้มปลากะพง ขนมหวาน ผลไม้ ไอศกรีม เครื่องดื่มชา-กาแฟ น้ำอัดลม ระหว่างเวลา 18.00 – 22.00 น.

              พิเศษสุด! เพียงท่านละ 1,299 บาทสุทธิ (จากราคาปกติ 1,700 บาท) ทานได้แบบไม่จำกัดเวลา

              สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0-2276-4567 ต่อ 8429-30 หรือ ไลน์ @theemeraldhotel  และ www.facebook.com/theemeraldcoffeeshop






                                                                                                                      

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2567

DAPPER ท้าทายขีดจำกัดด้านความคิดสร้างสรรค์ ดึง AI ร่วมออกแบบรังสรรค์คอลเลกชันพิเศษ 'Drafted by AI'

DAPPER ท้าทายขีดจำกัดด้านความคิดสร้างสรรค์ ดึง AI ร่วมออกแบบรังสรรค์คอลเลกชันพิเศษ 'Drafted by AI'

พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและดีไซน์ด้วย Real-Time Data

           คุณศิริทิพย์ ศรีไพศาล ผู้อำนวยการธุรกิจ DAPPER Group 
จัดงาน 45 ปี DAPPER Group: ผนวกธุรกิจแฟชั่นเข้ากับนวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์ (Ai) และความยั่งยืน (Sustainability) พร้อมโชว์แฟชั่นคอลเลคชั่น ‘Drafted by AI’ (ดราฟทิด บาย เอไอ) เป็นคอลเลคชั่นนำร่องที่สื่อถึงการออกเดินทางสู่บรรยากาศเหนือจินตาการอันไร้ขีดจำกัดบนโลกแห่งแฟชั่น โดยมี กระทิงภขุนณรงค์ และคุณเบน เบนจามิน ที่มาบอกเล่าประสบการณ์ที่มีกับ DAPPER ณ TANGIBLE CAFE  (เจริญกรุง 82) เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567


          DAPPER (แดปเปอร์) แบรนด์ชั้นนำที่คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทยมายาวนานกว่า 45 ปี สินค้าของแดปเปอร์มีความหลากหลายครอบคลุมตั้งแต่เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องหนัง ที่เน้นการออกแบบมาให้เข้ากับไลพ์สไตล์ของคนไทย ตอกย้ำความร่วมสมัยของแดปเปอร์ด้วยการก้าวข้ามขีดจำกัดบนโลกแห่งแฟชั่น ดึงเอาปัญญาประดิชฐ์ (AI) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ออกแบบ บริหารจัดการ และรังสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง โดยคอลเลกชัน 'Drafted by AI' เป็นคอลเลกชันนำร่องที่สื่อถึงการออกเดินทางสู่บรรยากาศเหนือจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดบนโลกแห่งแฟชั่น


          คุณศิริทิพย์ ศรีไพศาล ผู้อำนวยการธุรกิจ DAPPER กล่าวว่า "เทคโนโลยีและนวัดกรรมเข้ามามีส่วนเปลี่ยนแปลงภาคธุรกิจและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน แดปเปอร์ในฐานะแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทย จึงได้ริเริ่มนำเทคในโลยี AI เข้ามามีส่วนร่วมในชั้นตอนของการออกแบบ ท้าทายกรอบความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างมิติไหม่ให้กับอุตสาหกรรมแฟชั่น แต่ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์แดปเปอร์ ที่ให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่ออกแบบมาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทย ซึ่งไม่เพียงคำนึงถึงรูปแบบการใช้ชีวิต แต่ยังใส่ใจในเรื่องคุณภาพเนื้อผ้าที่เหมาะสมกับสภาพอากาศ แพทเทิร์นการตัดเย็บคุณภาพสูง ในราคาที่จับต้องได้ และสีสันที่ส่งเสริมบุคลิกภาพกลุ่มลูกค้าไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในทุกเฉดสีผิว"


          สำหรับคอลเลกชันใหม่ล่าสุด ภายใต้คอนเซปต์ "Drafted by AI" ครั้งนี้ ทีมนักออกแบบมากประสบการณ์ของ DAPPER ได้เชิญชวนทุกคนสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของวงการแฟชั่น เพื่อร่วมค้นพบความงามอันเป็นเอกลักษณ์ของลวดลายศิลปะที่ครีเอทด้วย AI ผ่านแรงบันดาลใจที่ได้รับจากภาพภูมิทัศน์ธรรมชาติที่เหนือจริง (Surrealism) ผสานกับลวดลาย "Graffiti" ที่วาดโดยนักออกแบบ เพื่อสร้างความสดใหม่ และความสนุก โดยคีย์แฟชั่นไอเทมในคอลเลกชันสะท้อนความล้ำสมัยอยู่เหนือกาลเวลา และบ่งบอกความเป็นตัวตนของผู้สวมใส่ เช่น เสื้อเชิ้ตพิมพ์ลาย เสื้อโปโลออริจินอลลาย Graffiti เสื้อเชิ้ต Jacquard ทอลาย คอมพลีตลุคด้วย Co-Ord เซต Denim และลาย Galaxy นอกจากนี้ยังมีกระเป๋าหลากหลายดีไซน์ และพวงกุญแจโลหะลาย Graffiti 'DAPPER'



          แดปเปอร์ยังมุ่งมั่นในการให้บริการอย่างไม่หยุดยั้ง โดยได้มีการเก็บรวมรวมข้อมูลจากลูกค้าทั้งจากช่องทางร้านค้าที่มีมากกว่า
50 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์และอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์ม ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากกลุ่มลูกค้าในปัจจุบัน ดาต้าที่เก็บรวมรวมจากทุกช่องทางจะถูกนำมาวิเคราะห์และประมวลผลด้วยระบบ Marketing Automation ที่มีความแม่นยำสูง จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการได้อย่างมีนัยสำคัญ อาทิ การจัดกิจกรรมทางการตลาด และยกระดับการส่งมอบสินค้า และบริการให้ตอบโจทย์กับกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น



          นอกจากการนำ AI มาสร้างสรรค์งานศิลปะแล้ว DAPPER ก็ยังให้ความสำคัญกับ AI Maketing ที่จะช่วยให้ธุรกิจสร้างประสบการณ์ที่เหนือระดับมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้จากวิเคราะห์ข้อมูลหลากหลายองค์ประกอบ รู้จักลูกค้าผ่าน Customer Journey นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการใช้ AI เพื่อดำเนินกิจกรรมด้านการตลาดการสร้าง Content โดยสามารถส่งเนื้อหาที่เหมาะสมให้บกลุ่มเป้าหมายในเวลาที่เหมาะสมกับความสนใจเฉพาะบุคคล (Personalized Racommendation) ทำให้กลุ่มเป้าหมายทีความสัมพันธ์ที่ดี และความเชื่อมั่นในแบรนด์ และล่าสุดได้นำ AI มาช่วยออกแบบหน้าเว็บไซด์ให้มีความทันสมัยและใช้งานง่าย จัดกลุ่มความสนใจของลูกค้า และพัฒนาการทำ SEO ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกมั้ยเนี่ย Chatbot ที่ AI มีบทบาทในการช่วยพัฒนาคำตอบให้เสมือนมนุษย์ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าด้วยเช่นกัน



"ด้วยประสบการณ์ยาวนานของแดปเปอร์ ในอุตสาหกรรมแฟชั่น เราได้เป็นวิวัฒนาการจากอดีตจนถึงปัจจุปันที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิตัลต็มรูปแบน แต่อย่างไรก็ตามแดปเปอร์ยังคงยึดมั่นในหลักการออกแบบและพัฒนาสินค้าที่มุ่งเน้นประโยชน์ใช้สอยให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนไทยเหมือนเช่นที่ผ่านมา โดยให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่คลาสสิค และคุณภาพสินค้าที่ดีเยี่ยม ทำให้สินค้ามีความทนทาน ใช้งานได้ระยะยาว ตอกย้ำจุดยืนของแดปเปอร์ ในฐานะผู้นำแบรนด์แฟชั่นยั่งยืน"
         แดปเปอร์ มุ่งมั่นที่จะส่งมอบสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนไทย พร้อมสร้างสรรค์ปรากฎการณ์ทางแฟชั่น
ไม่หยุดนิ่ง โดยสามารรับชมสินค้าคอลเลกชัน 'Drafted by AI' ได้ที่ แดปเปอร์ทุกสาขา และ dapper.com หรือ DAPPER Official Store บน Shopee, Lazada, และ Central Online









"FETTA​" จัดประชุมสมาชิกสมาพันธ์ เพิ่มขีดความสามารถการท่องเที่ยว เพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตของคนไทย

"FETTA​" จัดประชุมสมาชิกสมาพันธ์ เพิ่มขีดความสามารถการท่องเที่ยว

เพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตของคนไทย


          "FETTA​" สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย ที่ประกอบไปด้วย 7 สมาคมหลักของการท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย ( สธทท.)​ หรือ TTPA สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)​ หรือ ADT สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย​ (สมอ.) หรือ PTGA สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว​ (TTAA) สมาคมโรงแรมไทย​ (THA) สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทั่วไทย​ (สปข.) และสมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) หรือ TEATA ร่วมกันประชุมสมาชิก เพิ่มขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายการท่องเที่ยวเพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งมวล และนำสู่สังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน  โดยมีสมาคมอื่นๆ อีกหลายสมาคม อาทิ สมาคมการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีสาน (สอทอ.) หรือ ITITA สมาคมท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น​ (KKTMA) สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด (สสทน.) สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวจังหวัดลำปา สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช (สทน) สมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี​ (ACTF) เข้าร่วมประชุมด้วย โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567


           การประชุมในครั้งนี้ มีภารกิจ Enhanced supply concerns for balance quality both of demand and supply ที่ต้องผลักดันหลากหลายมิติ อันได้แก่
- มาตรการการกระจายตัวนักท่องเที่ยวอย่างมีเป้าหมาย ตามศักยภาพของการรองรับของพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก และ รอง จากกระบวนการศึกษาทางวิชาการ ที่มีส่วนร่วมในทุกภาคส่วน
- ตัวชี้วัดภาคการท่องเที่ยว ที่มิใช้มีเพียงรายได้ และ จำนวนนักท่องเที่ยว จากฝ่ายนโยบาย แต่ต้องมีตัวชี้วัดในฝั่ง supply เพื่อรักษาสมดุลให้กับ การท่องเที่ยวทั้งระบบ
- ระบบลอจิสติกส์ ทางบก อากาศ และ น้ำ ในพื้นที่นำร่อง ทั้ง 5 ภูมิภาค
- การผลักดันการใช้ท่าอากาศยานเมืองรอง ที่มีประสิทธิภาพก่อน ขยาย หรือ ลงทุนสร้างใหม่ ในพื้นที่นำร่อง
- นำเสนอ ปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมาย ในประเด็นสาขาอาชีพ ที่มีปัญหาด้านแรงงาน, พรบ. การขนส่งทางบก ในด้านการจราจรของระบบขนส่งสาธารณะเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว, เรื่อง พรบ. ด้านความปลอดภัยและสาธารณสุข ที่ยกระดับมาตรฐานในด้าน การบริการของภาคการท่องเที่ยว, พรบ. ส่งเสริมการร่วมทุนของภาคเอกชนภาคการท่องเที่ยว, มาตรการทางการเงินการคลัง ส่งเสริมผู้ประกอบการในการขับเคลื่อน BCG หรือ Sustainable Tourism, เรื่องงบประมาณพัฒนาภาคการท่องเที่ยว รวมถึง กฎ กติกา ที่เป็นอุปสรรคต่อหน่วยงานในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
- การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศให้เข้มแข็งมากขึ้น
- มาตรการในการแก้ไขตั๋วเครื่องบินภายในประเทศที่ราคาสูง
และเรื่องอื่นๆ


          ทั่งนี้ คณะทำงาน จะต้องทำการเขียนรายละเอียดฉบับสมบูรณ์ เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลภายในเดือนเมษายน 2567 นี้
          โดยในวันนี้ สมาคมภาคเอกชนที่มาร่วมกว่า 30 องค์กร ต่างมีความเห็นเป็นเอกภาพในการที่จะให้ภาครัฐออกมาตรการส่งเสริมการพัฒนา Supply Chain ให้เกิดความยั่งยืนที่ชัดเจน เพราะทุกสมาคมต้องการเก็บทรัพยากรที่มีค่าของการท่องเที่ยวไทยส่งต่อลูกหลานจากรุ่นสู่รุ่นไปตลอด
            และยังเป็นการรวมกูรูด้านการท่องเที่ยวทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในพื้นที่ท่องเที่ยวที่สำคัญๆ ตลอดจนนักวิชาการ เพื่อรวบรวมข้อมูลการแก้ปัญหาและพัฒนายกระดับการท่องเที่ยวของประเทศไทยสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยว เพื่อการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับคนไทยบนพื้นฐานของความยั่งยืน

#FETTA​ #สมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย,
#สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย ( สธทท.)​ #TTPA
#สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.)​ #ADT
#สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย​ (​สมอ.)(Professional Tourist Guide. Associatio) #PTGA
#สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว #ATTA
#สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว​ #TTAA
#สมาคมโรงแรมไทย​ #THA
#สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทั่วไทย​ (สปข.)
#สมาคมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) #TEATA
#สมาคมการค้าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีสาน (สอทอ.) #ITITA
#สมาคมท่องเที่ยวและไมซ์จังหวัดขอนแก่น​ #KKTMA
#สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ 17 จังหวัด (สสทน.)
#สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย
#สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวจังหวัดลำปาง
#สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดนครศรีธรรมราช (สทน)
#สมาคมสมาพันธ์ท่องเที่ยวชลบุรี​ #ACTF
#กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
#ททท.​ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)


เจ้าสัวเปิดตัว“Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ”

เจ้าสัวเปิดตัว“Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ”

ทุ่มงบอัดแคมเปญ พิสูจน์ความอร่อยก่อนจะเชื่อใคร


        "เจ้าสัว" สู้ศึกตลาดขนมขบเคี้ยวมูลค่ากว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่งแคมเปญล่าสุด “TasteThe Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” ชวนพิสูจน์ความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัวที่จะทำให้ทุกคนได้รู้ว่า “รู้งี้กินนานแล้ว” ตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดข้าวตังและขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ด้วยกิจกรรมการตลาดแบบ 360 องศา


           คุณณภัทร โมรินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของเจ้าสัวมากว่า 65 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่นำสูตรลับความอร่อยตำรับเจ้าสัวสู่คุณ เราจึงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเนื้อสัตว์ที่อร่อยมีคุณภาพด้วยสูตรลับตำรับเจ้าสัว พร้อมประโยชน์ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ ผ่านกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถัน อร่อย ตลอดจนถึงการยกระดับบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบให้ทันสมัย พกพาง่าย รับประทานได้ทุกที่ทุกเวลา (Everyday Consumption) ทั้งยังปรับภาพลักษณ์ให้เหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตลอดจนพัฒนาสินค้ารสชาติใหม่ๆ เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน”


           โดยผลิตภัณฑ์ของ “เจ้าสัว” ได้รับความนิยมและครองใจผู้บริโภคมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ข้าวตัง’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าหลักของเจ้าสัว จากข้อมูลรายงานภาวะอุตสาหกรรมของ Frost & Sullivan ในปี 2565 เจ้าสัวเป็นผู้นำในตลาดข้าวตังอย่างทิ้งห่าง รวมถึงผู้นำในตลาดขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อหมู (Pork Snack) โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 78.5% และ 57.2% ตามลำดับ ซึ่งตอกย้ำจุดแข็งของเจ้าสัวในการเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายขนมขบเคี้ยวไทยรูปแบบใหม่ (Modern Thai Snack) ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ รสชาติอร่อย และนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ 


              จากที่เจ้าสัวได้ทำ Brand Transformation ในปี 2564 ทำให้ แบรนด์ "เจ้าสัว" เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมสูงมากขึ้น จนเกิดการรับรู้ในฐานะผู้เล่นในตลาดกลุ่มขนมขบเคี้ยวแปรรูปจากเนื้อสัตว์ อย่างเต็มรูปแบบ และเพื่อสร้างการเติบโตอย่างไม่หยุดนิ่ง บริษัทฯ ได้ทำการสื่อสารการตลาดเชิงพลวัต ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการสื่อสารการตลาดผ่านแบรนด์แอมบาสเดอร์ (Brand Ambassador) ซึ่งได้ เจมส์ - จิรายุ ตั้งศรีสุข มาเป็นพรีเซนเตอร์คนล่าสุด เพื่อสื่อสารตรงกับกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งยังทำการตลาดในต่างประเทศผ่านอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) เพื่อสร้างการรับรู้ให้แบรนด์มากยิ่งขึ้น เพื่อมุ่งสู่การเป็นสุดยอด “แบรนด์ขนมขบเคี้ยว” ที่สามารถรับประทานได้ทุกวัน รองรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค


           “ดังนั้น เราจึงต่อยอดอินไซด์นี้ ด้วยการออกแคมเปญใหม่ของข้าวตังเจ้าสัว ที่มีชื่อว่า “Taste The Truth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” โดยชวนให้คนรุ่นใหม่ได้ชิมความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัว เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ว่าเป็นของว่างรองท้องเติมพลังดีๆ และมีประโยชน์ทางโภชนาการ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสนใจเรื่องสุขภาพ มองหาสแน็คใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ที่มีศักยภาพสูง และยังมีช่องว่างในการเติบโตในกลุ่มตลาดของขนมขบเคี้ยวได้อีก”


            สำหรับ “แคมเปญ TasteTheTruth ข้าวตังเจ้าสัว ท้าชิมก่อนเชื่อ” เป็นการเปิดประสบการณ์ในการรับรู้เกี่ยวกับข้าวตังเจ้าสัวในมิติใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลอง และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นผ่านกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมทุบกำแพง คำถามที่อยู่ในกระแสสื่อ Out of home และ social เกี่ยวกับข้าวตัง, กิจกรรมถ่ายภาพ Photo Booth แชะ ชิม แชร์ บอกต่อความอร่อยผ่านโซเชียลมีเดีย รวมถึงการถ่ายภาพมันส์ๆ สนุก Act Cracker กับความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัว พร้อมรับสินค้าตัวอย่างและรางวัลพิเศษจากเจ้าสัวอีกด้วย โดยทุกกิจกรรมล้วนเป็นการการันตีความอร่อยของข้าวตังเจ้าสัวที่มั่นใจว่าใครได้ลองต่างต้องชื่นชอบ อีกทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่ในการเลือกรับประทานขนมขบเคี้ยวที่อร่อยง่าย ได้โปรตีน แบบไม่ต้องรู้สึกผิด



         “แคมเปญนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกกับการพลิกความเชื่อใหม่ให้กับข้าวตังของเจ้าสัว ซึ่งเรามั่นใจว่าแคมเปญนี้จะช่วยเปลี่ยนการรับรู้ของผู้บริโภค และขยายกลุ่มเป้าหมายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่มเจน Z พร้อมตอกย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ และช่วยกระตุ้นยอดขายของไตรมาสนี้ได้อย่างแน่นอน”
         ติดตามและพร้อมอัพเดตข่าวสารของเจ้าสัวได้ทาง https://www.chaosua.com/, Facebook : เจ้าสัว, Line Official Account : @chaosua
#ข้าวตังเจ้าสัวTasteTheTruth #ท้าชิมก่อนเชื่อ #เจ้าสัวอร่อยทุกรส #เจ้าสัวอร่อยรู้งี้กินนานแล้ว #สูตรลับตำรับ 

ฉลองครบรอบ 7 ปี “มัลตี้ บิวตี้” เอาใจแฟนแบบจัดเต็ม ดึง พูห์-พาเวล คู่จิ้น มาสร้างสีสัน เอ็นเตอร์เทน

 ฉลองครบรอบ ปี  “มัลตี้ บิวตี้”


เอาใจแฟนแบบจัดเต็ม


ดึง พูห์-พาเวล คู่จิ้น มาสร้างสีสัน


เอ็นเตอร์เทน


     นางสาวไพลิน อึ๊งพลาชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลตี้ บิวตี้ จำกัด หรือ ร้านมัลตี้ บิวตี้ ร้านช้อปเครื่องสำอางของสายบิวตี้ในปี 2024 ที่ได้รับความนิยมจนสามารถครองใจลูกค้า และกลายเป็นผู้นำเทรนด์ของวงการสกินแคร์และเครื่องสำอางแบรนด์เกาหลี จัดงาน "ฉลองครบรอบ ปี" พร้อมเดินหน้าธุรกิจ และวางกลยุทธ์ครองตลาดเครื่องสำอาง ที่มุ่งเน้นการขยายโมเดลธุรกิจสาขาเพื่อสร้างการเติบโต เปิดสาขารวมแล้ว 7 แห่ง มีสินค้าครบครัน สดใหม่ ไม่เหมือนใคร โดยมีคู่จิ้น ‘พูห์’ กฤติน กิจจารุวรรณกุล และ ‘พาเวล’ นเรศ พร้อมเผ่าพันธุ์ มาเซอร์ไพส์ใหญ่เอาใจแฟนคลับสายวายแบบจัดเต็ม  ที่ลานกิจกรรม Union Co-Event Space โซน ชั้น ห้างสรรพสินค้ายูเนียนมอลล์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2567


นางสาวไพลิน อึ๊งพลาชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัลตี้ บิวตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ร้านมัลตี้ บิวตี้ (Multy Beautyปัจจุบันเปิดให้บริการแก่ผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ครบรอบ ปี ขณะนี้เรามีทั้งหมด สาขา ได้แก่ สยามสแควร์ ซอย 5ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตเมกาบางนาแฟชั่นไอส์แลนด์ยูเนี่ยนมอลล์ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และเดอะมอลล์ บางแค

 เราต้องขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่คอยสนับสนุนและช่วยผลักดัน โดยในปีที่ผ่านมา ตลาดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางสามารถฟื้นตัวกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องสำอางเพิ่มความสดใส (Color Make Up) หรือเทรนด์แต่งหน้าในยุค 90’s ที่กลับมาเป็นที่นิยม และมีส่วนแบ่งยอดจำหน่ายเป็นอับดับ หลังจากผ่านพ้นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่วนสกินแคร์อื่น ๆ ที่มาแรง เป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นงานผิวธรรมชาติ รวมถึงศาสตร์แห่งสี (Personal Color) เลือกสีลิปสติกตามสีเลือด เป็นเทรนด์ที่นิยมมากในปัจจุบัน อีกทั้ง แบรนด์คอสเมติกส์ต่างๆ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ลูกค้าก็มีความต้องการและกำลังซื้อมากขึ้น

ร้านมัลตี้ บิวตี้ ได้เล็งเห็นโอกาสจึงเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายให้เพียงพอ ทั้งขยายจำนวนสาขาแล้ว แห่ง และการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ (Electronic Commerce) หรือ การซื้อขายสินค้าบนออนไลน์ โดยเฉพาะ แอปพลิเคชันของร้านมัลตี้ บิวตี้ (Multy Beauty) ช่วยเพิ่มความสะดวก และสร้างความประทับใจให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ให้มีความสามารถแข่งขันกับร้านค้าปลีกอื่นๆ ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมีมาสัดส่วนสูงถึง 15% ของตัวเลขยอดจำหน่ายสินค้า ทำให้ตัวเลขยอดจำหน่ายของร้านมัลตี้ บิวตี้ ในปี 2023 เติบโตพุ่งขึ้นเป็น เท่า และคาดว่าในปี 2024 ร้านมัลตี้ บิวตี้ จะมียอดจำหน่ายเติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่าตั้งแต่วันแรกที่เปิดขาย รูปแบบของร้านมัลตี้ เราต้องการให้ลูกค้ามีประสบการณ์กับสินค้า ได้เข้ามาจับ ลองหยิบ ทำให้เราเน้นความสำคัญกับการขยายสาขาค่อนข้างมาก ในปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เน้นหลักตามในห้างฯ หัวเมืองที่มีศักยภาพ เพื่อกระจายและเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันจึงมีสินค้ากว่า 400 แบรนด์ ซึ่งยังคงเน้นสินค้าเกาหลี และสินค้าที่ไม่มีที่ไหน ต้องได้มาลองที่มัลตี้”

กลยุทธ์รุกตลาดเครื่องสำอางของร้านมัลตี้ บิวตี้ ในปี 2024 เรายังคงเน้นการสื่อสารกับลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ โดยเฉพาะ เรียลคอนเทนต์ (Real Content) และเรียลรีวิว (Real Review) ที่เป็นจุดเด่นของที่ร้านมัลตี้ บิวตี้ รวมถึงการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาด (Promotional Event) ในเทศกาลต่าง ๆ เพื่อให้ลูกค้าตื่นเต้นทุกครั้งที่เข้ามาเลือกซื้อสินค้าที่ร้านมัลตี้ บิวตี้ ดังนั้น ร้านมัลตี้ บิวตี้ จึงเป็นแหล่งรวบรวมไอเทมเครื่องสำอางระดับคุณภาพที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่ม เค-บิวตี้ (K-Beauty) เพราะทุกความสวยเริ่มต้นที่ร้านมัลตี้ บิวตี้

ด้าน พูห์ กฤติน กิจจารุวรรณกุล และ พาเวล นเรศ พร้อมเผ่าพันธ์ กล่าวถึงความรู้สึกในครั้งนี้ว่า “พวกผมเรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่ได้มาร่วมงานกับมัลตี้บิวตี้นะครับ ขอบคุณมากครับที่เชิญน้องภูกับพี่มาเวลมาร่วมงาน ถือเป็นครั้งแรกและเป็นครั้งที่พิเศษมากๆเลยครับ เพราะมัลตี้บิวตี้ครบรอบ 7 ปีครับ ก็แฮปปี้เบิร์ดเดย์กับมัลตี้บิวตี้ด้วยนะครับ ยังไงก็อย่าลืมนะครับว่าสายเกาต้องมัลตี้ สวยครบจบที่มัลตี้ที่มีสาขามากมาย สามารถดาวน์โหลดแอปฯ  Multy Beauty ผ่านได้ทั้ง iOS และแอนดรอยด์ นอกจากสินค้าจะมีหลากหลายแล้วยังมีโปรโมชั่นมากมายด้วยครับ”

สำหรับท่านที่สนใจสามารถเยี่ยมชมรายการสินค้าได้ที่ร้านมัลตี้ บิวตี้ ทั้ง สาขา ส่วนโปรโมชั่นสุดพิเศษ คืนกำไรให้แก่ผู้มีอุปการคุณทุกท่าน ฉลองครบรอบ ปี ร้านมัลตี้ บิวตี้ จัดโปรโมชันลดกว่า 90% เริ่มต้นเพียง บาทเท่านั้น ซึ่งโปรฯ สุดคุ้มนี้มีจำนวนค่อนข้างจำกัด และเป็นโปรฯ ที่ลดแรงเหมือนแจกฟรี จึงอยากให้ทุกท่านรีบพุ่งตัวมาช้อป ได้ที่สาขาใกล้บ้าน ได้แก่ สยามสแควร์ ซอย 5ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิตเมกาบางนาแฟชั่นไอส์แลนด์ยูเนี่ยนมอลล์ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ และเดอะมอลล์ บางแค  หรือสามารถสั่งซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่:                                           

แอปพลิเคชั่น : Multy Beauty
เว็บไซต์ 
https://www.multybeauty.com/
เฟซบุ๊กแฟนเพจ 
https://www.facebook.com/multybeauty/   
อินสตาแกรม : multybeauty__                                                  
บัญชีไลน์ (LINE Official: Multy Beauty                                
เอกซ์ (ทวิตเตอร์) @multyshopping
ติ๊กต็อก : multybeauty




"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...