วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย

เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

     ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมันพร้อมยกระดับการให้บริการด้านประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการเดินทางที่ง่ายขึ้นสำหรับคนไทย ผ่านคำมั่น  'Simple, Because it matters' และสงกรานต์ที่ผ่านมา ERGO ได้ส่งต่อปณิธานนี้ผ่านแคมเปญ #สงกรานต์นี้ไปไหนก็อุ่นใจกับเออร์โกประกันภัย เพื่อส่งเสริมชีวิตของคนไทยที่ง่ายให้เกิดขึ้นจริง

     ERGO เข้าใจปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย และตั้งเป้าลดปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือที่เรียกว่า "7 วันอันตราย" ERGO เข้าใจความท้าทายที่นักเดินทางชาวไทยต้องเผชิญ จากการวิจัยและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ERGO เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลาสำคัญนี้ที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากทุกปี ERGO ในฐานะเป็นแบรนด์ประกันภัยที่ต้องการเห็นชีวิตของคนไทยง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางในช่วง 7 วันอันตราย จึงวางกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยการขยายความปลอดภัยให้ทุกคนเข้าถึงได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่ลูกค้าของ ERGO แต่ยังรวมถึงนักเดินทางทุกคนที่ใช้รถบนท้องถนนด้วย

        ร่วมมือกับภาครัฐ ขยายผลเชิงบวก ตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีชีวิตที่ง่ายขึ้น ERGO จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับกรมทางหลวง เพื่อขยายผลการลดจำนวนอุบัติเหตุ ผ่านการส่งรถสไลด์ช่วยเหลือของ ERGO ไปประจำการยังเส้นทางสู่ภูมิภาค 5 จุดหลักซึ่งเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การส่งรถสไลด์ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มกำลังพลให้กับกรมทางหลวงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มหน่วยช่วยเหลือที่เข้าแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้ถนน ณ จุดเกิดเหตุได้ทันที โดยความร่วมมือนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในกิจกรรมปล่อยขบวนรถรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากที่มาร่วมกันเป็นสักขีพยาน เพื่อช่วยกันทำให้ชีวิตบนท้องถนนของทุกคนง่ายขึ้น

        ความร่วมมือระหว่าง ERGO และกรมทางหลวงในครั้งนี้ ช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับคนเดินทางได้มากกว่า 200 รายตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการเปลี่ยนยางอะไหล่ พ่วงแบตเตอรี่ เติมลมยาง ไปจนถึงสไลด์รถไปยังจุดใกล้เคียง เพราะถึงแม้จะเป็นเหตุขัดข้องเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ บนท้องถนนตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุรถชนต่อเนื่องกันเป็นแนวยาวซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด ความร่วมมือระหว่าง ERGO และกรมทางหลวงครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้มากขึ้น เพื่อให้คนไทยทุกคนมีชีวิตที่ง่ายขึ้นอย่างแท้จริง

       นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ ERGO ตามพันธกิจที่ต้องการยกระดับชีวิตคนไทยให้ง่ายขึ้น และมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานการดูแลคนไทยให้ไม่น้อยไปกว่ามาตรฐานจากประเทศเยอรมัน ด้วยประสบการณ์ด้านการประกันภัยของ ERGO Group ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 70 ปี จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) มีศักยภาพและความพร้อมที่จะดูแลคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับบริการด้านการประกันภัยที่ง่ายขึ้น

เกี่ยวกับ เออร์โกประกันภัย:

      เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารงานของ เออร์โก กรุ๊ป ซึ่งส่วนหนึ่งของ มิวนิกรี กลุ่มธุรกิจผู้รับประกันภัยต่อและรับประกันความเสี่ยงชั้นนำของโลก ERGO ยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้รับประกันภัยหลักทั้งในเยอรมันและอีก 20 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ในตลาดประกันวินาศภัยอันยาวนานกว่า 70 ปี ความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมและหลากหลายของทีมงาน และเครือข่ายพันธมิตรที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) สามารถบรรลุพันธกิจสำคัญต่อการทำประกันภัยให้เป็นเรื่องง่ายในทุกมิติของการให้บริการ

      เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) เชื่อว่า ทุกความเสี่ยงภัยของชีวิต จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและทั่วถึง แม้การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออย่างเข้าใจและเข้าถึงก็สำคัญไม่ต่างกัน เพื่อให้ทุกความช่วยเหลือได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และช่วยให้การประกันภัยเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส 

ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี

         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่ มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ รวมมอบจำนวน 2 แห่ง จำนวน 7 ราย รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 138,570 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นางสมพิศ ศรีคำแหง ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ร่วมในพิธี  ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567



        นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพโดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก

      ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่างๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “สร้างชีวิต” มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ 

พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี


        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ร่วมในพิธี มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี อาทิ เครื่องเล่นสนามชุดปีนป่ายหนอนน้อย ตู้เหล็กเก็บเอกสารบานเลื่อน ชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นวางของ ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางรองเท้านักเรียน ตะแกรงคัดขยะ 3 ช่อง ชุดนักเรียน กางเกงวอร์ม และกระเป๋านักเรียน เป็นต้น พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร  ปลากระป๋อง น้ำมันพืช เส้นหมี่ขาว และขนมจันอับ รวมมูลค่า 208,076 บาท (สองแสนแปดพันเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) นอกจากนี้ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการมูลนิธิฯ  ได้สนับสนุนลูกฟุตบอลจำนวน 30 ใบ พร้อมด้วย ลูกอม จำนวน 1 ลัง  โดยมี นางสาวจิรนันท์ สาระเดช รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนาร่อง พร้อมด้วย ผู้แทนเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567



          ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

          ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567

TTAA จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 และเลือกตั้งคณะกรรมการ ประจำปี 2567-2569

TTAA จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566

และเลือกตั้งคณะกรรมการ ประจำปี 2567-2569



           สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว THAI TRAVEL AGENTS ASSOCIATION (TTAA) นำโดยนายเจริญ วังอนานนท์ นายก TTAA จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 และเลือกตั้งคณะกรรมการ ประจำปี 2567-2569 โดยมีคณะกรรมการสมาคมฯ สมาชิก และได้รับเกียรติจากนายเอนก ศรีชีวะชาติ อดีตนายกสมาคม นานศุภฤกษ์ ศูรางกูร อดีตนายก ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมูลนิธิ ที่ทีเอเอ เพื่อเพื่อนมนุษย์ คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม พร้อมด้วยบุคคลในวงการท่องเที่ยวเข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุม 208-209 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2567



       สำหรับการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในครั้งนี้ เริ่มจากวาระการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในวาระต่างๆ โดยมีนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว  (TTAA) เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วยคณะกรรรมการสมาคมฯ



       โดยการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ในครั้งนึ้มีวาระสาระสำคัญดังนี้คือ
วาระที่ 1 เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ คือ
- เรื่องหารือ Wholesale และ Retail ถึงแนวทางการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การคัดเลือก Wholesale เข้ามาอยู่ในระบบ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจาก Wholesale ต่างๆ
- การเข้าพบ หยาง ซิน (Yang Xin) อัครราชทูตที่ปรึกษา ณ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย ถึงปัญหาการทำวีซ่าจีนที่สมาชิกสมาคมฯ รวมถึงผู้ประกอบการท่องเที่ยวกำลังประสบปัญหาอยู่ ซึ่งอัครราชทูตที่ปรึกษาให้ความสนใจและจะหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน
- เรื่องร่วมหารือกับอธิบดีกรมการท่องเที่ยว เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาธุรกิจท่องเที่ยวในภาวะปัจุบัน
วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565
วาระที่ 3 รายงานสถานภาพสมาชิก โดยปัจจุบันมีสมาชิกสมาคมทั้งหมด
 จำนวน 1048 ราย เป็นสมาชิกสามัญ 710 ราย สมาชิกวิสามัญ 142 ราย สมาชิกส่วนภูมิภาค 196 ราย (ภาคเหนือ 38 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 38 ราย ภาคใต้ตอนบน 106 ราย และภาคใต้ตอนล่าง 14 ราย)



วาระที่ 4 รายงานผลการดำเนินงานของสมาคมฯ ในรอบปี 2565 - 2567
วาระที่ 5 พิจารณาอนุมัติงบดุลและงบการเงินประจำปี 2566
วาระที่ 6 แต่งตั้งผู้สอบบัญชี และกำหนดค่าตอบแทน โดยได้ นายศิลป์ชัย รักษาพล บริษัท ธนา ชาร์เตอร์ แอ็คเค้าท์แท็นต์ จำกัด เป็นบริษัทผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคมฯ
วาระที่ 7 เรื่องอื่นๆ ได้แก่ การทำงานของมูลนิธิทีทีเอเอ เพื่อเพื่อนใมนุษย์ อาทิ กิจกรรม CSR ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ฯลฯ




         ต่อด้วย การรายงานผลการดำเนินงานและกิจกรรมของสมาคมในรอบปี 2565-2566 โดยนำเสนอผลการดำเนินงานโดยรวมผ่านทางวีดิทัศน์
         ด้านการบริหาร และความสัมพันธ์ภายในองค์กร ได้แก่
- สมาคมฯ ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย จัดโครงการประกวดสมาคมการค้าดีเด่นเป็นประจำทุกปี
ในปี 2565
- สมาคมฯ ได้รับรางวัลสมาคมการค้าดีเด่น ประจำปี 2565 ในด้านผลสำเร็จตามพันธกิจคุณภาพการให้บริการ และการพัฒนาองค์กร โดยได้รับรางวัลสมาคมการค้าดีเด่น เป็นเวลา 8 ปี ติดต่อกัน



        ด้านความสัมพันธ์ในหมู่สมาชิก ได้แก่
- การจัดประชุมสมาชิก โดยกำหนดธีมและรายการต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกในการประกอบธุรกิจ
- จัดงานสังสรรค์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในหมู่สมาชิกและบุคลากรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อาทิ งาน Chill Out & Meet with DMC Worldwide, งาน "Chill Out & Meet with NTO and Airlines, งาน The Wonder of Tourism 2023, การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี เพื่อฟื้นฟูตลาดการท่องเที่ยวเกาหลี ณ ประเทศเกาหลีใต้, ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ Taiwan Visitors Association เพื่อส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวระหว่างไต้หวันและประเทศไทย ฯลฯ



         ด้านกิจกรรม TTAA เพื่อสังคม ได้แก่ ร่วมสนับสนุนการแข่งขันกอล์ฟการกุศล (วบส.8), ส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกเข้าร่วมโครงการ Amazing Thailand New Chapter บัสทัวร์ทั่วไทย และส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกเข้าร่วมโครงการชีพจรลง South...เมืองรองต้องไปใต้ และ ชีพจรลงSouth...วันธรรมดาน่าเที่ยวใต้ จัดโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), ร่วมสนับสนุนการจัดประชุมสมาชิกชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค, ร่วมสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) เนื่องในการจัดงานครบรอบ 55 ปี, การร่วมบริจาคเงินให้กับมูลนิธิ TTAA เพื่อเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหว ตุรเคีย-ชีเรีย และร่วมบริจาคเงินสมทบทุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี "มูลนิธิรามาธิบดี" เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนา ททท. ครบ 63 ปี ฯลฯ



         ด้านภาพลักษณ์และความสัมพันธ์ระหว่างองค์กร ได้แก่
- การให้การต้อนรับหน่วยงานระหว่างประเทศที่สนับสนุนด้านการท่องเที่ยว อาทิ ผู้อำนวยการและคณะ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น, ผู้อำนวยการและคณะ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลี, ประธานบริษัท Infinity Communications Co., Ltd., เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย, องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคยองกี ประจำประเทศไทย, การท่องเที่ยวแห่งราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย, ตัวแทนจากการท่องเที่ยวไต้หวัน ผู้อำนวยการจากการท่องเที่ยวไต้หวัน, คณะจากการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, การท่องเที่ยวสวิสเซอร์แลนด์, East Japan Tourism Support Agency จังหวัดอิบารากิ, เอกอัครราชทูตศรีลังกาประจำประเทศไทย และที่ปรึกษาแผนกวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ฯลฯ
- งานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก (TITF)สำหรับชมรมไทยบริการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค
- งาน Business-Matching เพื่อเพิ่มโอกาสให้สมาชิกสมาคมฯ ได้พบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการในและ
ต่างประเทศ
- งาน TITF Business-Matching 2023 และงาน The Wonder of Tourism



        ด้านการพัฒนาสมาชิก ได้แก่
- การจัด Agents' Educational Trip เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการอัพเดทเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละประเทศ อาทิ เส้นทางกัวลาลัมเปอร์-เกนติ้ง-มะละกา, เส้นทางซากะ-นางาซากิ ประเทศญี่ปุ่น ฯลฯ
- จัดอบรมสมาชิกในหลักสูตรต่างๆ  อาทิ หลักสูตรเตรียมความพร้อมรับ PDPA สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว, เทคนิคสื่อสารเพื่อสร้างการจดจำและแก้ปัญหาภาวะวิกฤต, ภาพรวมและทิศทางการตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจทัวร์ยุคหลังโควิด และเทคนิคการทำโฆษณาบน Google, Facebook และ TikTok, ระบบการจองตั๋วเครื่องบิน Amadeus และ Galileo สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยว






      หลังจบการประชุม ก็ได้เวลาสำคัญนั่นคือ "การเลือกตั้งนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) คนใหม่ และคณะกรรมการชุดใหม่" แทนนายก TTAA คนเก่าและคณะกรรมการชุดเก่าที่หมดวาระลง โดยมี คุณสมฤดี จิตต์จง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานคณะกรรมการเลือกตั้ง พร้อมด้วย นายสัมพันธ์ แป้นพัฒน์ และนายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมโรงแรมไทย เป็นคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยสมาชิก TTAA ได้มีการเสนอผู้สมัครสองชื่อ คือ "นายเจริญ วังอนานนท์" ทีม We Grow "ประสบการณ์ยิ่งเยอะ สอนให้เรายิ่งใหญ่"และ "นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ" ทีม CHANGE# "คนสองวัยหัวใจตรงกัน" โดยนายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ จับได้หมายเลข 1 นายเจริญ วังอนานนท์ ได้หมายเลข 2 จากนั้นผู้ที่ถูกเสนอชื่อทั้งสองท่านก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ของทีมตนเอง โดยมีสมาชิกที่เป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งจำนวน 283 ท่าน การลงคะแนนเป็นการลงคะแนนเสียงแบบลับ ในส่วนของการนับคะแนนนั้นทั้งสองทีมต่างผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะแบบสูสี แต่สุดท้ายผลการนับคะแนน "นายเจริญ วังอนานนท์" ทีม We Grow ได้คะแนนเสียง 150 คะแนน ส่วน "นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ" ทีม CHANGE# ได้คะแนน 129 คะแนน มีบัตรเสีย 4 ใบ ายเจริญ วังอนานนท์ ทีม We Grow จึงได้เป็นนายก TTAA ต่ออีกสมัย โดยมีสมาชิก และผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงการท่องเที่ยว รวมทั้งนายกสมาคมท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA), ตัวแทนนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรม (THA), คุณชนัฐมนทน์  เงินวิวัฒนกูล ตัวแทนนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.), นายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.),นายวิทวัส เมซุต นายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.), นายวัสน์พล อรรถพรธนเสฐ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย มาร่วมแสดงความยินดี
      หลังจากนั้นก็เป็นการรับประทานร่วมกันของเหล่าสมาชิก TTAA
#TTAA
#สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว
#THAI TRAVEL AGENTS ASSOCIATION




 








วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

ชมการแสดงงิ้ว แจกอาหารเจฟรี ตลอด 3 วัน 3 คืน

ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม  2567

สวนหลวง-สามย่าน ร่วมกับชาวชุมชนสวนหลวง-สามย่าน จัดงานยิ่งใหญ่ "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" ขอเชิญสักการะขอพรเจ้าแม่ทับทิม พร้อมชมการแสดงงิ้ว แจกอาหารเจ และชวนช้อป ชิม ชิลล์ อาหาร เครื่องดื่ม ละลานตา ตลอด 3 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม  2567 พร้อม ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

        โดยงานวันเฉลิมฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิมจัดขึ้นเพื่อสักการะบูชา ขอพร รวมทั้งแสดงความเคารพเจ้าแม่ทับทิม นับเป็นการร่วมแรง ร่วมใจ สมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชนซึ่งต่างมีความผูกพัน เคารพศรัทธาในองค์เจ้าแม่ทับทิม โดยคนในชุมชนต่างสักการะกราบไหว้ขอพรด้านสุขภาพแข็งแรง ค้าขายรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า การเงินคล่องตัว การเรียนราบรื่น


         จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม หน้าอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ระหว่างวันที่ 30 เมษายน  – 2  พฤษภาคม  2567 

        โดยภายในงาน จะมีการแจกอาหารเจด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากคณะผู้มีจิตศรัทธา เวลา 09.00 น. 

เวลา 17.00 น. การแสดงสินค้าประเภทอาหาร  เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ของทานเล่น 

และ เวลา 20.00 น. ชมการแสดงงิ้ว จากคณะเล่าบ่วงนี้เฮง 3 เรื่อง 3 สไตล์


        ศาลเจ้าแม่ทับทิมตั้งอยู่ด้านหน้าอุทยาน 100 ปี  จุฬาฯ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่ทุกคนในชุมชนสามารถพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และประกอบกิจกรรมร่วมกันได้ทั้งครอบครัว อีกทั้งยังมีอาหารอร่อยละลานตาให้นักชิมได้เลือกชิมตลอดเส้นบรรทัดทองทั้งร้านอร่อยระดับตำนานมิชลินไกด์ ร้านอร่อยในกระแส และสตรีทฟู้ดมากมาย อาทิ ล้งเล้งก๋วยเตี๋ยวปลา, ก๋วยเตี๋ยวเป็ดบ๊วยโภชนา, เอ๋ซีฟู้ด, ส้มตำเจ๊อ้อย, เสน่ลาบก้อย, อี้จาสุกี้หมาล่า, CQK หมาล่าฮ็อทพอท, ฝันที่เป็นจริง, เนื้อแท้, เอลวิสสุกี้, สุกี้ เผิงโหย่ว, ครัวคุณย่า, คุณนายทะเลดอง, ตุ้งแฉ่เตาถ่าน, Samyan Cafe' & Restaurant, 71 หมูกระทะ, ข้าวมันไก่เจ๊โบว์, ข้าวต้มปลากิมโป้, นิยมปักษ์ใต้, จิงเจอร์โบว์, ข้าวต้มสันติภาพ, เนื้อแท้, ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่ามเชียงใหม่, หอยทอดชาวเล, หนึ่งนมนัว, น้ำเต้าหู้, กอล์ฟปลาท่องโก๋, ไอศกรีมหม้อไฟยศเส, น้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ, จูนปัง, เจ๊เดือนขนมไทย, ฯลฯ ให้เลือกรับประทานอีกด้วย

            สำหรับการเดินทางมาศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ก็สะดวกสบาย โดยสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ได้แก่

 - รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ต่อ Shuttle Bus สาย 2 ลงป้ายอาคารจามจุรี 14 แล้วเดินมาที่อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ 

- รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน ลงสถานีสยามสแควร์ ต่อ Shuttle Bus สาย 1 หรือ 4 ลงที่สถานีศาลาพระเกี้ยว และต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 ลงสถานีอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

- รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีสามย่าน ต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 ลงสถานีอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

- รถเมล์ที่สามารถเดินทางได้ คือ สาย 73, 73ก, 113 ป้ายถนนบรรทัดทอง 

- รถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ สวนหลวงสแควร์ และตลาดสามย่าน


 

"ภูมิธรรม" ประกาศสุดยอดข้าวหอมมะลิ และข้าวสารไทยแห่งปี

"ภูมิธรรม" ประกาศสุดยอดข้าวหอมมะลิ และข้าวสารไทยแห่งปี 

หนุนเกษตรกรและโรงสีรักษาคุณภาพขั้นสูง ขยายตลาดทั่วโลก




         นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2567 เพื่อเฟ้นหาและอนุรักษ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศไทย ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และสร้างต้นแบบเกษตรกร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมข่าวคุณภาพสูงเป็นหลัก และยังมีการเชื่อมโยงการตลาดให้เกษตรกรผู้ชนะการประกวดเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ ขยายช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน 




           นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทย เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรกว่า 4.7 ล้านครัวเรือน และประชาชนในประเทศส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก สะท้อนถึงความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรจำนวนมาก รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องเกษตรกรไทยที่เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ดำเนินนโยบาย พัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมชาวนา ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น




            พร้อมเน้นย้ำว่า ข้าวหอมมะลิถือเป็นข้าวในตลาดข้าวพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว  มีเม็ดยาวเรียวสวย สีมันวาว หุงแล้วมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบเตย รสสัมผัสนิ่มนวล จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวชนิดอื่นแต่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การยกระดับเชิงนโยบายทั้งด้านการผลิตและการควบคุมคุณภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และให้ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิชั้นเลิศของโลก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยในปี 2566 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.76 ล้านตัน นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 178,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 28 โดยข้าวหอมมะลิยังคงรักษาระดับการส่งออกได้ดีแม้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง โดยมีปริมาณส่งออกในปี 2566 อยู่ที่ 1.32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 5.6 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และฮ่องกง

“ตนเดือนเดินทางไปหลายประเทศได้รับความชื่นชมในข้าวไทย ไม่ว่าจะเป็นจีนในหลายมณฑล สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ทุกคนต่างชื่นชมถึงแม้ราคาจะสูงกว่าที่อื่น แต่ยังสัมผัสได้ในความพิเศษของข้าวหอมมะลิไทย ”




            ด้าน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และประเภทสถาบันเกษตรกร ในครั้งนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิจาก 22 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวดจำนวนรวม 967 ตัวอย่าง และได้นำตัวอย่างข้าวขาวของผู้ที่สมัครเข้าร่วมประกวดฯ ตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการ ทั้งเคมีและกายภาพ ส่งให้คณะกรรมการตัดสินการประกวดทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศพิจารณาคัดเลือกจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวมจำนวน 21 ราย แบ่งเป็น เกษตรกรรายบุคคล 18 ราย และสถาบันเกษตรกร 3 ราย เป็นโล่รางวัลเกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล รวมกว่า 625,000 บาท




            โดยในวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบรางวัลแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการโรงสี ผู้ผลิตข้าวสารคุณภาพ ผู้ชนะการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2566 รวม 11 รางวัล ในประเภทต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย และข้าวสารเหนียวเมล็ดยาว สำหรับรายชื่อผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 ประกอบด้วย

ประเภทเกษตรกรรายบุคคล : ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ นายณรงค์  จันทรุ่ง จ.อุบลราชธานี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 นางจันทร์สมสบบง จ.พะเยา

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 นายสุเรียนสังข์ลาย จ.สุรินทร์

ประเภทสถาบันเกษตรกร :  ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิสงเปลือย ม.5 ต.เมืองทอง จ.ร้อยเอ็ด

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด จ.นครพนม

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ศูนย์ข้าวชุมชนข้าวปลอดสารพิษตำบลแม่อ้อ จ.เชียงราย


          โดยภายในงานได้มีการเซ็น MOU ซื้อ-ขายข้าวเปลือกหอมมะลิล่วงหน้าในราคานำตลาด สูงกว่าราคาตลาด 500 บาท/ตัน จำนวน 6 คู่ กว่า 343.4 ตัน ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้าวที่มีคุณภาพสูงมีตลาดรองรับ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการค้าภายในwww.dit.go.thหรือ Line@ MR.DIT 

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...