วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

"สง่างามอย่างไทย ให้โลกได้ประจักษ์" การประกวด สุภาพบุรุษถิ่นสยาม ประจำปี 2565 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา

"สง่างามอย่างไทย ให้โลกได้ประจักษ์" การประกวด สุภาพบุรุษถิ่นสยาม ประจำปี 2565 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา

               การประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยาม (สุภาพบุรุษถิ่นสยามทั้ง 77 จังหวัด)ที่ไม่ใช่แค่ประกวดชายงามแต่จะเป็นเวที ที่จะนำเอกลักษณ์ ความเป็นไทย ถ่ายทอดสู่สายตาชาวโลก เพื่อส่งเสริมให้เกิดรายได้ ด้านการท่องเที่ยว และสินค้าด้านศิลปะหัตกรรมของท้องถิ่นไทย อีกด้วย


               คุณฐากร เพิ่มพูล ประธานอำนวยการกองประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามและนางสาวถิ่นสยาม พร้อมด้วย คุณดำรงเกียรติ พินิจการ ผู้ช่วยเสขานุการนายกเมืองพัทยา คุณ เศรษฐวุฒิ ทัตสุระ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัล พัทยา คุณมานะ ยาประคำ ประธานสภาวัฒนธรรมเมืองพัทยา,กรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย คุณนันท์นภัทร เจิมจุติธรรม ผู้เชี่ยวชาญการประกวด – กูรูนางงาม คุณรุ่งนภา แมคคลาวด์ (ดร.แอนนี่) ที่ปรึกษากองถิ่นสยาม (คณะกรรมการปฏิรูปบูรณาการกระทรวงศึกษาธิการ) ร่วมแถลงข่าวการประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยาม โดยมีคุณปัญญดา คล้ายโพธิ์ทอง ผู้ประสานงานกองประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามนางสาวถิ่นสยาม เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ชั้น 1 ศูนย์การค้าเช็นทรัล พัทยา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 


                       โดยการวันแถลงข่าวในวันนี้ ได้มีการพูดถึงความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนการจัดประกวดในครั้งนี้ รวมถึงเกณฑ์การให้คะแนนของคณะกรรมการการตัดสิน ภายใต้มาตรการการรักษาความปลอดภัยตามมาตรการสาธารณสุข (การตรวจ ATK) (โดยได้การสนับสนุนจากมูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ swing thailand (ประจำพัทยา)


                        นอกจากนี้ ยังมีการเดินแบบโชว์ชุดที่ใช้ในการประกวด ได้แก่ ชุดเก็กมัม ชุดสูทผ้าไทย ชุดว่ายน้ำ ชุดประจำจังหวัด และชุดเก็บตัว เสื้อกอง พร้อมเปิดตัวเพลงสุภาพบุรุษถิ่นสยาม โดยมีนางสาวถิ่นสยาม 3 จังหวัด ได้แก่ นางสาวศิริวิมล ต่ายแสง นาวสาวถิ่นสยามกรุงเทพมหานคร นาวสาวชนัฎดา พวงสมบัติ นางสาวถิ่นสยามสมุทรปราการ นางสาวรุ่งกัลยา ช้างทอง นางสาวถิ่นสยามชลบุรี และ นางสาว อัญชิษฐา อิฐรัตน์ นางสาวถิ่นสยามปทุมธานีนำมงกุฎ แหวนเพชร และถ้วยรางวัลมาโชว์ด้วย

 

                      ฮอน-ฐากร เพิ่มพูล ประธานอำนวยการการกองประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยาม กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ทำให้ทางกองประกวดได้มองเห็นถึงศักยภาพของหนุ่มหล่อ สมาร์ท  ภายในประเทศไทยที่อยากจะร่วมกันเป็นกระบอกเสียงในกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กลับมาดีขึ้น ทางกองประกวดจึงได้จัดประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามในครั้งนี้ เพื่อมุ่งค้นหาหนุ่มหล่อ สมาร์ท ที่มีหัวใจอยากที่จะช่วยเหลือสังคม พัฒนาประเทศชาติ โดยจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ในกาประชาสัมพันธ์ ดังนี้คือ

1. ให้ผู้เข้าประกวดได้รวมกันกระตุ้นขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาให้กลับมาดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 

2. เป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและประชาสัมพันธ์เมืองพัทยา จะมีการทำแคมเปญต่างๆ ลงโซเชียลมีเดีย facebook  instagram tiktok และกระจายออกไปสู่ภาครัฐและเอกชนมากที่สุด (จากผู้เข้าประกวด 77 คน 77 จังหวัด) 

                          การประกวดสุภาพบุรุษถิ่นสยามในครั้งนี้ จะการเก็บตัวในวันที่ 18-19 มีนาคม 2565  และรอบตัดสินในวันที่ 20 มีนาคม 2565 ณ ศูนย์การค้าเช็นทรัล พัทยา เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

ติดตามกันครับว่าใครจะเป็นสุภาพบุรุษถิ่นสยามคนแรกของประเทศไทย

#mistersiam 2022 

#สุภาพบุรุษถิ่นสยาม 2565 

#หนุ่มหล่อพร้อมใช้ 77 จังหวัด 

#ThePerfecrtGentleman

#สุภาพบุรุษไทยพร้อมใช้ทุกสถานการณ์

#สุภาพบุรุษไทยสู่สากล

โอมิครอนพ่นพิษ ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลช้ำ ซื้อแพงขายถูกยอมขาดทุน

โอมิครอนพ่นพิษ ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลช้ำ  ซื้อแพงขายถูกยอมขาดทุน

                     จากการลงพิ้นที่บริเวณขายสลากกินแบ่งรัฐบาลบริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร ของผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 ปรากฎว่า ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลรายย่อยต้องแบกรับภาระขาดทุนจากต้นทุนสลากที่ซื้อมาแพง แต่ต้องยอมขายในราคาถูก เพื่อรักษาโค้วต้าสลากฯไว้ การระบาดอีกครั้งของเชื้อโควิด "โอมิครอน" ยังกระทบกับผู้ค้าสลากรายย่อยในแต่ละงวด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงอยากให้มีการแก้ไขสัดส่วนกำไรจากต้นทาง เพื่อให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถประกอบอาชีพนี้ต่อไปได้

                     ผู้ค้าสลากรายย่อยหลายราย บริเวณสี่แยกคอกวัว ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร เกือบทุกแผงมีการติดป้ายขายสลากในราคาใบละ 55 บาท ในหมวดเลขไม่สวย ส่วนในหมวดตัวเลขที่นิยมกันราคาขายยังเป็นไปตามกลไกของตลาด ที่มีราคาต้นทุนสูงอยู่มาอย่างต่อเนื่อง


                      แม่ค้าขายลอตเตอรี่ย่านสี่แยกคอกวัวรายหนึ่งยอมรับว่า ต้องแบกภาระขาดทุนมาแล้วหลายงวด ตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 เรื่อยมา ผู้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลน้อยลง การจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลมีการแข่งขันกันมากขึ้น ช่องทางซื้อขายแพลตฟอร์มออนไลน์ยังส่งผลถึงผู้ค้าสลากที่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ที่ต้องแบกภาระขาดทุนมาโดยตลอด เพื่อรักษาโค้วต้าและเครดิตตัวเองไว้ การแก้ไขปัญหาราคาจากต้นทางให้ถูกลง จะเป็นธรรมกับผู้ค้ารายย่อยให้มีอาชีพสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว


                      ปรากฎการณ์ราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลราคาเพียงใบละ 55 บาทเท่านั้น จากราคาต้นทุนที่ออกจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลใบละ 70 บาท 40 สตางค์ ผู้ค้าต้องยอมขาดทุนหลายงวดติดต่อกัน นอกจากนี้การปรับเปลี่ยนนโยบายของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ออกมาหลายรูปแบบ หวังแก้ปัญหาราคาต้นทุนสลากแพง กลับยิ่งสร้างความปั่นป่วนในตลาดค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลให้กระทบกับหลายองค์กร หลายสมาคมที่เป็นคู่ค้ากับสำนักงานสลากฯ จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่ได้ตามเป้าที่ควรจะเป็น

                      การแก้ปัญหาราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลแพงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การปรับลดราคาจากต้นทางน่าจะเป็นการคืนกำไรให้กับประชาชนโดยส่วนรวมอย่างแท้จริง เป็นการช่วยราชเสริมรัฐ โดยทีมข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยังผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลย่านสี่แยกคอกวัวรายหนึ่งว่า ปัจจุบันราคาสลากกินแบ่งรัฐบาลตกลงไปอยู่ที่ใบละ 50 บาท ต้องฝืนทนยอมขาดทุน ซื้อแพงขายถูก

                  

วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จับมือ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ประกาศความร่วมมือด้านคอร์สออนไลน์พัฒนาทักษะ Upskill Reskill ยกระดับแรงงานไทย ดึงการลงทุนจากต่างชาติใน Smart City และ EEC

บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จับมือ อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส ประกาศความร่วมมือด้านคอร์สออนไลน์พัฒนาทักษะ Upskill Reskill ยกระดับแรงงานไทย ดึงการลงทุนจากต่างชาติใน Smart City และ EEC


 

                   บริษัท บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จำกัด หรือ BIH ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและคอร์สออนไลน์ Upskill Reskill สำหรับองค์กรและประชาชนทั่วไปเพื่อตอบโจทย์ Thailand 4.0 ได้มีการลงนามในบันทึกความร่วมมือกับ บริษัท อมตะ ฟาซิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด เป็นบริษัทในเครือข่ายของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม อมตะ ซิตี้ ชลบุรี ซึ่งเป็นผู้นำด้านการดูแล พัฒนา และการจัดการในนิคมอุตสาหกรรม อมตะซิตี้


                ดร. ผาณิต เสรีบุรี CEO บริษัท บางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จำกัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือนี้ว่า “ในสมัยก่อนนั้น ประเทศไทยนับว่าเป็น ประเทศ ที่จัดอยู่ในลำดับต้นๆของประเทศน่าลงทุน มักจะอยู่ในลิสก์ที่ชาวต่างชาติประเมินเพื่อมาลงทุน เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อได้เปรียบทางด้านที่ตั้ง การสนับสนุนจากภาคต่างๆ และ ความสามารถของแรงงานไทย แต่ในช่วงหลัง 3-5 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศต่างๆ รวมถึง ประเทศเพื่อนบ้าน ได้มีการพัฒนากันอย่างรวดเร็ว มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนมากมายเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้มาลงทุนในประเทศนั้นๆ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาประสิทธิภาพและความสามารถของแรงงานและบุคลากรต่างๆ ในประเทศให้ก้าวหน้าอย่างเป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้นักลงทุนต่างๆสนใจ และย้ายฐานการลงทุน และการผลิตออกจากประเทศไทยมากขึ้นๆ เรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยโดยไม่ทำอะไร จากที่เราเป็นเป้าหมายอันดับต้นๆ ของการลงทุนนั้น อาจจะทำให้ประเทศไทยค่อยๆ หลุดออกจากเป้าหมายการลงทุนของต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ  ซึ่งทาง BIH เองได้เล็งเห็นถึงจุดนี้ และอยากที่จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่จะพัฒนาบุคลากรต่างๆ รวมถึงแรงงานในประเทศ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้กับทางอมตะ ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งจะเป็นก้าวกระโดดที่สำคัญที่ทำให้ประเทศไทยเรากลับเข้าสู่เป้าหมายหลัก และเป็นอันดับต้นๆ ในเวทีนานาชาติอีกครั้ง ”



                     ความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวความร่วมมือสำคัญ ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาแรงงานไทยเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ และเพื่อตอบโจทย์ความเป็น Smart city ของอมตะแลัว ทางบางกอก อินโนเวชั่น เฮ้าส์ จะเข้ามาช่วยเสริมในมุมของ Smart Education and Lifelong learning Platform โดยร่วมกันให้บริการคอร์สออนไลน์ภายใต้แบรนด์ Achieve Plus มุ่งพัฒนาทักษะดิจิทัลและทักษะการทำงานยุคใหม่ รวมถึงงานที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคล Digital HR ครบวงจรสำหรับกลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี และระยอง โดยจะเน้นการส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรขององค์กรต่างๆ ในนิคม  ให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Hard skill ต่างๆ เพื่อประสิทธิภาพด้านการทำงานในปัจจุบัน รวมไปถึง Soft skill เพิ่มศักยภาพของบุคลากร และขยายผลไปในส่วนทักษะเพื่ออนาคต Future skill ต่อไป เพื่อรองรับและตอบสนองโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และนี่จะเป็นก้าวสำคัญ ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดแรงงานของประเทศไทยในพื้นที่ EEC ให้สามารถต่อสู้ในระดับนานาชาติได้ต่อไปในอนาคต


วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

สทท. ปรึกษาหารือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในความร่วมมือกัน พัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ก่อนการลงนามร่วมกัน

สทท. ปรึกษาหารือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในความร่วมมือกันพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ก่อนการลงนามร่วมกัน

                       นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) ร่วมปรึกษาหารือกับว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ตัวแทนนายประทีป ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ในความร่วมมือกันในการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ก่อนลงนามร่วมกัน โดยมีคณะกรรมการบริหาร สทท. อาทินางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี รองประธาน สทท., นายสุรวัช อัครวรมาศ รองประธาน สทท., นายกฤษณ์ จิระมงคล ผู้ช่วยประธาน สทท. และนายกสมาคมผู้ผสมเครื่องดื่มและบริการ, นายยุพราช วงศ์ดาวกูล ผู้ช่วยประธาน สทท.และประธานชมรมบาร์เทนเดอร์ภาคตะวันออกประเทศไทย, นายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ กรรมการบอร์ด สทท. และผู้บริหารกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมปรึกษาหารือด้วย ณ ห้องประชุมอัมพร จุณณานนท์ ชั้น 10 อาคารกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เมื่อวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565                                                     





                       การปรึกษาหารือในครั้งนี้ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กับ ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน รวมทั้งคณะกรรมการบริหาร ได้กล่าวถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ โดยมีแผนในการพัฒนาฝีมือแรงงานร่วมกันในหลายๆ ประเด็น รวมถึงแผนการพัฒนาฝีมือแรงงานหลักสูตรพนักงานผสมเครื่องดื่ม และการส่งเสริมการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาท่องเที่ยวและบริการ การพัฒนาศักยภาพให้แก่นักเรียน นักศึกษา หรือกำลังแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ  บูรณาการการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้แก่วิทยากร บุคลากรฝึก อาคารสถานที่ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความรู้วิทยาการ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการต่างๆ ในการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีทักษะสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน โดยร่วมกันส่งเสริมให้ผู้ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการจัดส่งพนักงานเข้าทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติสาขาท่องเที่ยวและบริการ และได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานดังกล่าว รวมทั้งทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติให้แก่นักศึกษาหรือกำลังแรงงานก่อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน




โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการให้มีคุณภาพในด้านทักษะฝีมือและผลิตภาพให้เพียงพออย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบกิจการ รองรับการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต รวมทั้งสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาทักษะในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (New Engines of Growth) และรองรับการเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0

              พร้อมกันนี้ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และตณะกรรมการบริหาร สทท. ก็ได้อวยพร ว่าที่ร้อยตรี สมศักดิ์ พรหมดำ รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เนื่องในโอกาสวาระดิถีขึ้นปีใหม่ปี 2565 ด้วย

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์หนุนคนรุ่นใหม่ ผลิตคลิปสื่อสร้างสรรค์ "สื่อของฉัน MY MEDIA"

กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์หนุนคนรุ่นใหม่ ผลิตคลิปสื่อสร้างสรรค์ "สื่อของฉัน MY MEDIA"

            กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์หนุนคนรุ่นใหม่ โชว์ผลงานผลิตคลิปสื่อสร้างสรรค์ "สื่อของฉัน MY MEDIA" ในโครงการ TMF Level up หรือกิจกรรมการอบรมพัฒนาทักษะการสร้างสรรค์สื่อสำหรับคนรุ่นใหม่ เพื่อยกระดับ  Up skill สร้างทักษะการผลิต และสร้างสรรค์สื่อที่ปลอดภัยให้กับคนรุ่นใหม่ ผ่านกระบวนการอบรมเชิงปฏิบัติการโดยบุคลากรผูัเชี่ยวชาญด้านการสื่อสารกับวิทยากรแถวหน้า พร้อมจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ "คนรุ่นใหม่กับสื่อของฉัน" โดยนายเทินพันธ์ แทนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับประชาชน, นายอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร GM และ GM LIVE, นายนวจุล บุญพรรคนาวิก ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและภาพยนตร์สั้น รวมทั้งมอบรางวัลให้กับผู้ชนะการประกวดผลิตคลิปสื่อสร้างสรรค์ "สื่อของฉัน MY MEDIA" ณ ห้อง Royal Maneeya โรงแรมเรเนซอง ราชประสงค์ กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565

       นายเทินพันธ์ แทนสมบัติ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์สำหรับประชาชน กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันของสังคมและเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น สื่อสังคมออนไลน์เริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ดังนั้นการสร้างทักษะการสร้างสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ให้กับคนรุ่นใหม่ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศจึงมีความสำคัญมาก

ทางกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์จึงจัดทำโครงการTMF Level up: NEW MEDIA NEW ERA เพิ่มทักษะสร้างสื่ออย่างสร้างสรรค์ เท่าทันโลก มุ่งหวังให้น้องไป เยาวชน นิสิตนักศึกษา คนรุ่นใหม่ เกิดทักษะในการคิด การเล่าเรื่อง และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและสังคม ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติการจากบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อสาร ทั้งนี้หลังจากการดำเนินโครงการฯ เมื่อวันที่ 18-19 มกราคม 2565 รวม 6 ภูมิภาค ปรากฎว่าได้รับกระแสตอบรับและมีผู้สนใจเข้าร่วมโครงการฯ เป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของผู้ร่วมโครงการฯ ที่อยากจะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม รวมถึงอยากจะหาแรงบันดาลใจเพื่อสร้างสรรค์งานในโอกาสตลอดไป

              นอกจากนี้ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ยังมีการต่อยอดโครงการฯ โดยจัดให้มีการประกวดผลิตคลิปสื่อสร้างสรรค์ "สื่อของฉัน MY MEDIA" ของผู้เข้าร่วมโครงการฯ โดยนำทักษะความรู้ที่ได้รับจากการอบรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการผลิตคริปสั้นเพื่อถ่ายทอด โดยมีผู้ร่วมส่งคลิปสร้างสรรค์จากหลากหลายสถาบันและหลากหลายภูมิภาค  


ซึ่งทางกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ รวมทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้ทำการคัดเลือกผลงานที่ดีที่สุดจำนวน 5 คน และประกาศผลการประกวดคลิปสื่อสร้างสรรค์ "สื่อของฉัน MY MEDIA" ดังนี้คือ

         รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ผลงาน "อย่าลองเลย" ผลิตโดยนายเปรม ตรีอุดม นางสาวอมลวรรณ เชตุพันธ์ุ และนางสาวพรชิตา ปั้นเทียน จากมหาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์

         รางวัลรองอันดับ 1 ผลงาน "My Media สื่อของฉัน สร้างสรรค์สังคม" ผลิตโดยนางสาวจิราพร สังข์ทอง นายศักย์รพี วิจิตรพันธ์ และนายณัฐพล เจือสนิท จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา

        รางวัลรองอันดับ 2 ผลงาน "ตะลอนทัวร์ท่องเที่ยว" ผลิตโดยนายอาทิตย์ บุญลือ นางสาวทัศพร ธรรมจันทึก และนางสาวญาณิศา ภู่ทองคำ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์

        รางวัลชมเชย ผลงาน "จรรยาบรรณ" ผลิตโดยนางสาววิภาวี กลิ่นเกสร นางสาวนริศรา ไม้ตะเภา และนางสาวชญานี ก้อนสันทัด จากมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์

        รางวัลชมเชย ผลงาน "ทำไมต้องโพสต์" ผลิตโดยนายฉัตรชัย งามจิตวิทยากุล นายศุภกร แสงชาตรี และนางสาวศุภษา ย่องสู้นเจริญ จากมหา วิทยาลัยราชภัฏสงขลา

        ส่วนน้องๆ ที่สนใจอยาก Up skill ตัวเองในหัวข้อต่างๆ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้เพิ่มโอกาสการเรียนรู้เพิ่มเติมกับวิทยากรทั้ง 5 ท่าน ให้เข้าไปที่ https://narhu.net/ เรียนจบจะได้รับประกาศนียบัตรออนไลน์ทันที เริ่มแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

       โดยมีหัวข้อและคลาสที่น่าสนใจคือ -บทบาทและทักษะใหม่ของนักสร้างสื่อ ต้องปรับและเปลี่ยนให้ทันโลกและการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบัน "NEW MEDIA NEW ERA โดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์

-วิชาสื่อใหม่ในโลกอนาคต นักสื่อสารรู้ทันโลก "FUTURE OF COMMUNICATION" โดยคุณนภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์ บรรณาธิการบริหารสำนักข่าว บรรณาธิการบริหาร WORKPOINT NEWS

-วิชาเรื่องเล่า เล่าเรื่อง ให้ทรงพลัง "THE POWER OF STORTRELLING" โดยคุณอภิรักษ์ หาญพิชิตวณิชย์ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร GM และ GM LIVE

-วิชาการคิด สร้างสื่อให้สร้างสรรค์ "CREATIVE CONTENT / CREATE SOCIAL IMPACT" โดยบริษัท ชูใจ กะ กัลยาณมิตร จำกัด

-วิชาผลิตสื่อยุคใหม่ให้ทรงพลัง  "PRODUCTION: THE POWER OF NEDIA" โดยคุณนวจุล บุญพรรคนาวิก ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาและภาพยนตร์สั้น

-วิชาสื่อสร้างการมีส่วนร่วม "INTERACTIVE MEDIA" โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ปัญญพนต์ พูนสวัสดิ์ หัวหน้าหลักสูตรการออกแบบเชิงโต้ตอบและการพัฒนาเกม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...