ลดเผา ลดฝุ่น! บ้านแม่วาก นำร่องเกษตรทางเลือกสร้างผลิตผลมูลค่าสูง
การเผาไร่ข้าวโพดของเกษตรกรในพื้นที่สูงทางภาคเหนือ กลายเป็นประเด็นที่นำไปสู่วาทกรรมเชิงลบต่อชาวเขาและข้าวโพด ถูกมองว่าเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นควันซึ่งยืดเยื้อมานานหลายปี ปัญหานี้เชื่อมโยงกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่เลือกปลูกข้าวโพด เนื่องจากสะดวกต่อการขนส่งและมีตลาดรองรับ อย่างไรก็ตาม เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว พื้นที่สูงไม่สามารถใช้รถไถซังข้าวโพดได้ ทำให้การเผากลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะทำได้ง่ายและประหยัดกว่าการฝังกลบ
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เปิดเผยถึงการดำเนินงานเพื่อแก้ไขปัญหาหมอกควันในภาคเหนือว่า ปัญหานี้มีหลายมิติ ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่สูงมานานและมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากเดิมประมาณ 200,000 คน ปัจจุบันเพิ่มกว่า 1 ล้านคน แต่ละครัวเรือนมีรายได้ต่ำเพียง 20,000-30,000 บาทต่อปี ที่ผ่านมา ตัวเลือกในการปลูกพืชเศรษฐกิจมีจำกัด หลายพื้นที่จึงเลือกปลูกข้าวโพดเพราะเป็นพืชที่สร้างรายได้แน่นอนจนกลายเป็นพืชเชิงเดี่ยว นำไปสู่การเผาไร่ซ้ำๆ ทุกปี
การเผาเกี่ยวข้องกับความยากจนของชาวเขามานานกว่า 50 ปี หากต้องการให้ชาวบ้านหยุดเผา ต้องมีอาชีพทดแทนที่มั่นคง ด้วยเหตุนี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงจึงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการนำองค์ความรู้โครงการหลวงไปใช้ในพื้นที่บ้านแม่วากและพื้นที่อื่นๆ โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นแทนการปลูกข้าวโพด เช่น อะโวคาโด เมล่อน กาแฟ ไผ่ องุ่น และพืชผักในโรงเรือน ซึ่งเป็นพืชที่ใช้พื้นที่น้อย ไม่ต้องเผา และมีตลาดรองรับ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดหาตลาดให้กับผลผลิตของเกษตรกรควบคู่กับการฟื้นฟูสภาพป่าบนพื้นที่สูง ซึ่งช่วยลดปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนทำให้พื้นที่บ้านแม่วากสามารถลดจุดความร้อนได้อย่างเห็นได้ชัด จากพื้นที่ที่เกิดค่าจุดความร้อนสูง กลายเป็นพื้นที่ที่เกิดจุดความร้อนน้อยที่สุดในช่วง 60 วันอันตรายของจังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2559 พื้นที่บ้านแม่วากมีลักษณะภูมิประเทศที่โดดเด่น บางจุดสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร และบางจุดสูงประมาณ 500 เมตร ทำให้การจัดการปัญหาเป็นเรื่องที่ท้าทาย
ความร่วมมือจาก 7 กระทรวง และ 30 หน่วยงาน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้สามารถลดพื้นที่การปลูกข้าวโพดและการเผาไร่ได้กว่า 48 หมู่บ้าน จากทั้งหมด 500 กว่าหมู่บ้าน โดยเริ่มจากพื้นที่ที่มีปัญหารุนแรงก่อน เช่น หมู่บ้านที่มีจุดความร้อนสูง หรือพื้นที่ที่ผลผลิตข้าวโพดลดลงเนื่องจากดินเสื่อมสภาพ และขยายไปยังพื้นที่ใกล้เคียง ชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รับการแก้ปัญหาเรื่องที่ดิน ที่อยู่อาศัย และอาชีพ จนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้ชาวบ้านตื่นตัวและให้ความร่วมมือในการรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เมื่อเห็นผลลัพธ์ที่ดีจากการนำองค์ความรู้โครงการหลวงไปใช้ พื้นที่สูงอื่นๆ ในประเทศไทยจึงเริ่มนำแนวทางนี้ไปประยุกต์ใช้ โดยขยายไปกว่า 1,000 หมู่บ้าน ใน 10 จังหวัด แนวทางนี้เน้นการฟื้นฟูป่าและนำพืชทางเลือกไปสร้างรายได้ให้กับชุมชนอย่างครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ส่งผลให้พื้นที่สีเขียวบนพื้นที่สูงเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นการพัฒนาแบบองค์รวมที่ช่วยแก้ปัญหาทั้งเรื่องความยั่งยืนของรายได้ชาวบ้านและปัญหาฝุ่นควันไฟป่าไปพร้อมๆ กัน
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นควันในภาคเหนือจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข หากสามารถแก้ปัญหาเรื่องปากท้องและอาชีพของชาวบ้านได้ การเผาก็จะลดลง นอกจากการปลูกพืชที่หลากหลายแล้ว การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวชุมชนก็เป็นแนวทางที่น่าสนับสนุน เช่นเดียวกับการติดฉลากรับรองผลผลิตที่ปราศจากการเผา และการดูแลรักษาป่าเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านคาร์บอนเครดิต
นอกจากพื้นที่บ้านแม่วากในจังหวัดเชียงใหม่ ยังมีพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ เช่น น่าน เชียงราย ตาก และแม่ฮ่องสอน ที่เริ่มให้ชาวบ้านเปลี่ยนอาชีพจากการปลูกข้าวโพดมาสู่พืชเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ยากต่อการแก้ไขที่สุดคือฝุ่นควันไฟป่าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้เจรจากับลาวและเมียนมา ร่วมกับสหประชาชาติ แต่ยังขาดความต่อเนื่องทำให้ปัญหาฝุ่นควันข้ามแดนยังเป็นปัจจัยที่ควบคุมได้ยาก
แม้ว่าหลายคนจะเข้าใจว่าฝุ่นควันในภาคเหนือเกิดจากการเผาไร่ข้าวโพดและไร่เลื่อนลอยของชาวเขา แต่ข้อมูลระบุว่า การเผาไร่ข้าวโพดและไร่เลื่อนลอยส่งผลกระทบเพียง 15-17% เท่านั้น ในขณะที่ 80% ของปัญหาฝุ่นควันมาจากไฟป่าที่เกิดจากมนุษย์ เช่น การเผาหาของป่า ก่อไฟแล้วไม่ดับ และเผาขยะ ซึ่งพบได้น้อยมากที่เกิดจากไฟป่าโดยธรรมชาติ
ปัญหาการเผาไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในพื้นที่สูง เมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ราบก็เผชิญกับปัญหาการเผาอ้อยและเผาหญ้าเพื่อลดต้นทุนแรงงาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของฝุ่นควัน อย่างไรก็ตาม การเผาในพื้นที่สูงมีความเสี่ยงลุกลามมากกว่า เนื่องจากอยู่ในเขตป่าไม้ ทำให้ยากต่อการควบคุม ส่งผลให้ไม่เพียงแต่ก่อมลพิษทางอากาศ แต่ยังสร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศ และอาจนำไปสู่ไฟป่าครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น