“จุฬาฯ พาเที่ยว "น่าน" นำเที่ยวสถานวิจัย การเรียนรู้
เพื่อภูมิภาคสู่ชุมชน เสริมบทบาทมหาวิทยาลัยเพื่อสังคม
ศูนย์สื่อสารองค์กร จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พาลงพื้นที่จังหวัดน่าน ในโครงการ “จุฬาฯ กระซิบฮักน่าน” ระหว่างวันที่ 15 – 17 กรกฎาคม 2568 โดยมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยร่วมลงพื้นที่ด้วย นำโดย ศ.ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดีจุฬาฯ ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล ที่ปรึกษาด้านแบรนด์จุฬาฯ รศ.ดร.ยุทธนา ฉัพพรรณรัตน์ รองอธิการบดีจุฬาฯ พร้อมด้วย ผศ.ดร.ธนสิน ชุตินธรานนท์ ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านพันธกิจสัมพันธ์เพื่อสังคม และ ผศ.ดร.วิชฏาลัมพก์ เหล่าวานิช ผู้ช่วยอธิการบดี ด้านส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
การลงพื้นที่จังหวัดน่านในครั้งนึ้ จุฬาฯ ได้พาไปเยี่ยมชมผลงานวิจัยต่างๆ ของจุฬาฯ เพื่อสร้างความเข้าใจในบทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในฐานะผู้นำด้านองค์ความรู้และการวิจัยที่พร้อมส่งต่อความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคมและชุมชน
เริ่มจากการเยี่ยมชมผลงานวิจัยจุฬาฯ เพื่อชุมชน และหลากหลายกิจกรรมที่จุฬาฯ ดำเนินการ ที่ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาฯ จังหวัดน่าน ชมสถานีวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีตำบลไหล่น่าน อำเภอเวียงสา โดยมี ผศ.ดร.นพดล กิตนะ ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ ได้บรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทและพันธกิจของศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ และ ผศ.น.สพ.ดร.วินัย แก้วละมุล รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาฯ บรรยายเรื่องงานวิจัยของสำนักวิชาทรัพยากรการเกษตร จุฬาฯ พร้อมนำเยี่ยมชมและให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โคแดงพื้นเมืองน่าน ควายน้ำว้า การเพาะกล้าไม้วงศ์ยาง การปลูกพื้นสมุนไพรเจ้าคุณเป๋อ การเลี้ยงไส้เดือนดิน กบนา และโรงเรียนสาธิตการเลี้ยงสุกร โดยมีชาวบ้านในชุมชนมาร่วมอบรม รวมถึงนิทรรศการการผสมเทียมสุกร
ต่อด้วยการร่วมกิจกรรม “ปลูกฟื้นฟูป่าต้นน้ำน่าน” ตามพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยร่วมกับ อบต. ผู้นำชุมชน และนักเรียน ณ พื้นที่ตำบลเมืองจัง อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านจัดขึ้น เพื่อปลูกต้นไม้ในโครงการจำนวน 1,200 ต้น โดยมี นายพล ผัดผล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเมืองจัง เป็นประธานในงาน โดยมีการสาธิตการปลูกต้นไม้ด้วยเทคนิคการปลูกป่าที่จุฬาฯ พัฒนาขึ้น โดยการใช้กล้าไม้วงศ์ยางที่มีเชื้อราเอคโตไมคอร์ไรซาซึ่งเป็นเชื้อราที่มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพากับรากของไม้วงศ์ยาง รวมทั้งยังมีเทคนิคการปรับปรุงดินด้วยจุลินทรีย์และเชื้อราไมคอร์ไรซาเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ปลูกอีกด้วย
พร้อมทั้งทัศนศึกษา "ศูนย์การเรียนรู้โรงเรียนบ้านสบหนอง" ตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างจุฬาฯ กับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และร่วมมอบกระเป๋า ชุดนักเรียนให้นักเรียนโรงเรียนบ้านสบหนอง ในกิจกรรม "จากพี่สู่น้อง"
ตามด้วยการเยี่ยมชม "วัดหนองบัว" ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ.2405 ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีความสวยงามตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมของไทลื้อ ภายในโบสถ์มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่เล่าเรื่องในปัญญาสชาดก ซึ่งเป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า และเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนสมัยก่อน โดยเฉพาะการแต่งกายของผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหลหรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม และยังมีภาพของเรือกลไฟ ทหารชาวฝรั่งเศส และดาบปลายปืน ซึ่งเริ่มเข้ามาในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 4-5 ซึ่งถือว่าเป็นจิตรกรรมฝาผนังที่ทรงคุณค่า เขียนโดย "หนานบัวผัน" ช่างเขียนลาวพวน ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับคนที่เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดภูมินทร์ในเมืองน่าน ภายในวัดยังมีบ้านจำลองไทลื้อ (เฮือนไทลื้อมะเก่า) มีอุปกรณ์การประกอบอาชีพของชาวไทลื้อจัดแสดงไว้ และที่ขาดไม่ได้คือการกระจายรายได้สู่ชุมชน แวะช้อปปิ้งตลาดชุมชนวัฒนธรรมไทลื้อ
ปิดท้ายด้วย การเยี่ยมชม "ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาฯ ณ สถานีวิจัยและถ่ายทอดเทคโนโลยีผาสิงห์" ตำบลผาสิงห์ อำเภอเมือง โดย ผศ.ดร.นพดล กิตนะ ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ ได้นำชมนิทรรศการ “จุฬาฯ พัฒนาชีวิตและสิ่งแวดล้อม เพื่อน่านที่ยั่งยืน” เรียนรู้การแปรรูปนมแพะเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้ชื่อผลิตภัณฑ์ “เคียงดิน” และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งน่าน
"ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค จุฬาฯ" ถือเป็นฐานการเรียนรู้ด้านงานวิจัยและบริการวิชาการที่สะท้อนวิสัยทัศน์และพันธกิจของมหาวิทยาลัยในการเชื่อมโยงองค์ความรู้กับการพัฒนาท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติการเกษตร การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และการช่วยเหลือสังคม
ผลงานวิจัยต่างๆ ในพื้นที่ศูนย์การเรียนรู้และบริการวิชาการ เครือข่ายแห่งจุฬาฯ เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจสัมพันธ์เพื่อสังคมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CU Social Engagement) ที่มุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่น ผ่านการประยุกต์ใช้ความรู้ งานวิจัยและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเกษตรกรรม เพื่อความมั่นคงด้านอาหาร การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการบูรณาการองค์ความรู้กับการลงมือปฏิบัติจริงในชุมชน
โครงการ “จุฬาฯ กระซิบฮักน่าน” จะช่วยขยายผลการรับรู้ของสังคมต่อบทบาทและภารกิจของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในพื้นที่ภูมิภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดน่าน ในฐานะมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนและตอบแทนสังคม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น