วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยยากไร้

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยยากไร้

มอบวีลแชร์แก่ผู้พิการ และมอบจักรยานให้แก่โรงเรียนในพื้นที่ชนบทในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 

พร้อมนำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกบริการประชาชนฟรี

        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายสุรพงศ์ เสรฐภักดี กรรมการและรองเหรัญญิก นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ และนางสาวเนาวรัตน์ วรรณศิริ หัวหน้าแผนกหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมลงพื้นที่มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยยากไร้จังหวัดเชียงราย จำนวน 25 ครัวเรือน คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 587,380 บาท เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน โดยมี นายสุพจน์ แสนมี ปลัดจังหวัดเชียงราย และนางสาวนิภา ทองก้อน ผู้อำนวยการสำนักเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน เป็นประธานร่วมในพิธี พระไพศาลประชาทร วิ. (พระอาจารย์พบโชค ติสฺสวํโส) เจ้าอาวาสวัดห้วยปลากั้ง ให้ความอนุเคราะห์สถานที่จัดงานและร่วมในพิธี และ คณะมูลนิธิสาธารณกุศลสงเคราะห์เชียงราย เป็นผู้ประสานงานและร่วมในพิธี พร้อมด้วย อาสาสมัครศิลปินมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายสัญญา วงพรนารายณ์ (เก่ง) นายสดใส โรจนวิชัย ร่วมในพิธี เมื่อวันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

          นอกจากนี้ มูลนิธิฯ ยังได้มอบรถจักรยานแก่โรงเรียนชนบทที่ขาดแคลน จำนวน 2 โรงเรียน รวมจำนวน 20 คัน เพื่อให้นักเรียนที่ประสบปัญหาในการเดินทางได้ยืมเรียน รวมถึงเป็นการแบ่งเบาภาระค่าพาหนะแก่ผู้ปกครองได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งยังเสริมสร้างให้นักเรียนได้ออกกำลังกาย เรียนรู้กฎจราจร เรียนรู้การแบ่งปัน และดูแลรักษาสาธารณสมบัติร่วมกัน รวมมูลค่าการดำเนินการช่วยเหลือชาวเชียงรายในครั้งนี้ทั้งสิ้น 616,980 บาท (หกแสนหนึ่งหมื่นหกพันเก้าร้อยแปดสิบบาทถ้วน) โดยมีประชาชน เยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ  อีกทั้ง มูลนิธิฯ ยังได้จัดหน่วยแพทย์สงเคราะห์ชุมชน นำทีมแพทย์อาสาฯ เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์ ทีมบรรเทาสาธารณภัย (กู้ชีพ) และอาสาสมัครลงพื้นที่ให้บริการประชาชนฟรี ประกอบด้วย บริการตรวจรักษาโรคทั่วไป จ่ายยา ทันตกรรม คัดกรองเบาหวาน กิจกรรมนันทนาการ ตรวจวัดสายตาพร้อมแจกแว่น บริการตัดผม ฯลฯ ณ บริเวณห้องประชุมอาคารพบโชคคอมเพล็กซ์ วัดห้วยปลากั้ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

       นับตั้งแต่เกิดมหาอุทกภัยขึ้น มูลนิธิฯ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งทีมบรรเทาสาธารณภัยลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทันที หลังจากนั้น ทีมสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ จะดำเนินการประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อบรรเทาทุกข์ ฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยแจกเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น รวมถึงมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย รายละ 20,000 บาท โดยเมื่อปี 2567 ที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ได้ฟื้นฟูหลังน้ำลดแก่ผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือรวมงบประมาณกว่า 9 ล้านบาท

       โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้สนับสนุนอุปกรณ์ประกอบอาชีพ ช่วยเหลือครัวเรือนยากจน ตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแก้ไขปัญหาความยากจน  ระหว่างกรมการพัฒนาชุมชนและมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ซึ่งมูลนิธิฯ ได้จัดงบประมาณดำเนินการเพื่อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพมอบให้แก่ครัวเรือนยากจน ให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว โดยในกลุ่มเป้าหมายแรกดำเนินการในพื้นที่ภาคกลาง 17 จังหวัด รวม 98 ครัวเรือน ต่อมาได้ดำเนินการในพื้นที่จังหวัดทางภาคเหนือ 17 จังหวัด รวม 230 ครัวเรือน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 20 จังหวัด จำนวน  485 ครัวเรือน รวมดำเนินการไปแล้ว 3 ภาค รวม 54 จังหวัด  813 ครัวเรือน รวมงบประมาณกว่า 15.6 ล้านบาท

         ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง  ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## 

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลงนามบันทึกความเข้าใจ ยกระดับ MOU กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 

ร่วมให้ความรู้ พร้อมหนุนงบประมาณด้านการฝึกอบรม และทีมบรรเทาสาธารณภัย อุปกรณ์ เครือข่ายการสื่อสาร รวมทั้งเตรียมพร้อมปฏิบัติการ บูรณาการการช่วยเหลือผู้ประสบภัยควบคู่กับการพัฒนาขีดความสามารถในระดับสากล

      มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ ในนามของผู้แทนประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ ร่วมกับ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วย นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงนามบันทึกความเข้าใจ [MOU] ว่าด้วยความร่วมมือในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผนึกกำลังทั้งทางด้านวิชาการ และการปฏิบัติการอันเป็นการบูรณาการการจัดการเพื่อเสริมสร้างศักยภาพขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิฯ และเตรียมความพร้อมรับมือสาธารณภัยให้สามารถบริหารจัดการและปฏิบัติการตอบโต้เหตุฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมยกระดับขอบเขตหน้าที่ของมูลนิธิฯ  อาทิ การร่วมกับทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยด้านการฝึกอบรมให้ความรู้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมสนับสนุนงบประมาณเครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อรองรับการฝึกอบรม โดยมี นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการมูลนิธิฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหารของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รวมทั้งผู้บริหารของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ร่วมในพิธี เณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568


        นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ เปิดเผยว่า ในนามของมูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต็กเซี่ยงตึ๊ง หรือ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รู้สึกเป็นเกียรติและซาบซึ้งในความร่วมมืออันทรงคุณค่ายิ่ง ระหว่างมูลนิธิฯ กับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชน  ตลอดระยะเวลา 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิฯ ดำเนินงานภายใต้ปณิธาน  “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”  โดยยึดมั่นในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างทันท่วงที โดยไม่เลือกชนชั้น เชื้อชาติ วรรณะ และศาสนา ความร่วมมือในวันนี้จึงไม่เป็นเพียงพันธสัญญาเชิงรูปธรรม แต่ คือการสานต่อเจตนารมณ์ของมูลนิธิฯ ด้วยการยกระดับการบูรณาการภารกิจด้านบรรเทาสาธารณภัยไปสู่การช่วยเหลือระดับประเทศร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  เพื่อพี่น้องประชาชนและสังคมส่วนรวม ซึ่งเชื่อมั่นว่า จะส่งผลต่อความรวดเร็ว ที่มีประสิทธิผล และความปลอดภัยในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของทั้งสองฝ่าย และเป็นไปเพื่อประโยชน์ด้านสาธารณะอันสูงสุด


       นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์หลักของบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ คือการยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือกันในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งยินดีที่จะสนับสนุนและร่วมปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือ บรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยตามที่ได้รับแจ้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และในขณะที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ยินดีที่จะสนับสนุนองค์ความรู้ด้านวิชาการสาธารณภัย เพื่อเสริมสมรรถนะของเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตามบันทึกความเข้าใจนี้ ซึ่งถือเป็นการให้บริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของผู้ประสบภัยและทางราชการร่วมกัน โดยขอบเขตหน้าที่ของมูลนิธิฯ ดิฉันได้กล่าวมาข้างต้นว่าฉบับนี้จะเป็นการยกระดับความร่วมมือ คือ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ด้านการฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสนับสนุนบุคลากร พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย

       สำหรับความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีการประสานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน ทั้งใน “ด้านสังคมสงเคราะห์” มีแผนกสาธารณภัย ประสานเพื่อเยียวยาผู้ประสบสาธารณภัยต่าง หรือ “ด้านบรรเทาสาธารณภัย”  ซึ่งมูลนิธิฯ มีบุคลากรทั้งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร นำกำลังพร้อมอุปกรณ์ด้าน กู้ชีพ กู้ภัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยและได้มีการประสานงานกับปภ.ในพื้นที่ และยังมี “แผนกฝึกอบรม” ประสานจัดการ “ด้านการฝึกอบรม” เพื่อจัดอบรม เพิ่ม และพัฒนาองค์ความรู้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครซึ่งได้มีการประสานงานกันเรื่อยมาจวบจนปี พ.ศ. 2564 มูลนิธิฯ ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อการบูรณาการการดำเนินงานด้านบรรเทาสาธารณภัยอย่างเป็นทางการครั้งแรก และได้มีการผนึกกำลังพัฒนาบุคลากรมูลนิธิฯ เรื่อยมา อาทิ หลักสูตรการกู้ภัยเบื้องต้น (BRC)  หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการสำหรับเจ้าหน้าที่เผชิญเหตุ หลักสูตรการกู้ภัยในกระแสน้ำไหลเชี่ยวเบื้องต้น (Basic Swiftwater Rescue) และหลักสูตรการค้นหาและกู้ภัยในเขตเมือง ( USAR ) เป็นต้น


        ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา ทีมบรรเทาสาธารณภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ไม่เพียงแต่ร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย บรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบเหตุ ประสบภัยต่างๆ เท่านั้น แต่ยังร่วมกับหน่วยงานระดับประเทศในด้านต่างๆ ในการพัฒนาองค์ความรู้ให้ครอบคลุมทั้งด้านกู้ชีพ กู้ภัย และสนับสนุนงานด้านนิติเวช เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศล บรรเทาทุกข์แก่ผู้ประสบภัยทั้งทางตรงและทางอ้อมได้อย่างมีประสิทธิผลอย่างเป็นที่ประจักษ์ และร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้ต่างๆ ให้กับภาครัฐ เอกชน และประชาชน 

ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ททท. ผนึกกำลัง ATTA รุกตลาดจีน จัด Road Show 2025 ดึงผู้ประกอบการไทย–จีน เชื่อมโอกาสทางธุรกิจ สู่อนาคตการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ททท. ผนึกกำลัง ATTA รุกตลาดจีน

จัด Road Show 2025 

ดึงผู้ประกอบการไทย–จีน เชื่อมโอกาสทางธุรกิจ 

สู่อนาคตการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน



       ททท. ร่วมกับ ATTA นำผู้ประกอบการไทยกว่า 50 ราย ร่วมกิจกรรม TAT & ATTA Road Show 2025 ครอบคลุม 3 เมืองศักยภาพของจีน ได้แก่ ฉงชิ่ง, หลานโจว และหางโจว โดยเริ่มต้นที่นครฉงชิ่ง เมืองยุทธศาสตร์ของจีนตะวันตก ที่เต็มไปด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม นำเสนอสินค้าและบริการคุณภาพ พร้อมเปิดเวทีเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรจีน หวังขยายตลาด กระชับความร่วมมือ และส่งเสริมการเดินทางระหว่างไทย–จีนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการจีนกว่า 300 ราย เมื่อวันทึ่ 28 กรกฎาคม 2025



        ภายในงานได้รับเกียรติจากนายเสก นพไธสง กงสุลใหญ่ ณ นครเฉิงตู Mr. Zhu Mao รองอธิบดีกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวนครฉงชิ่ง นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ซึ่งต่างแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทย–จีน พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการทั้งสองฝ่ายในการเชื่อมโยงธุรกิจและขยายตลาดนักท่องเที่ยวจีน



         นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่านครฉงชิ่งถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์สำคัญของจีนตะวันตกที่มีศักยภาพสูงทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการจัดกิจกรรม Road Show เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการไทยและจีน นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของ Mr. Zhu Mao รองอธิบดีกรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวนครฉงชิ่ง ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระดับรัฐบาล (G2G) และเป็นการต่อยอดความเข้าใจระดับประชาชน (P2P) ผ่านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมในรูปแบบ Two-Way Tourism อย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน ททท. ยังเตรียมโครงการใหญ่ Thailand Summer Blast เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจากจีน โดยร่วมมือกับสายการบินสัญชาติไทยและต่างชาติ ในการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ การทำ Joint Promotion และ Incentive Scheme สำหรับกลุ่มประชุมสัมมนาและ Summer Camp ซึ่งเราหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนธุรกิจของผู้ประกอบการไทยและจีนอย่างมีพลัง ทั้งนี้ จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ประเทศไทยยังสามารถเดินทางและท่องเที่ยวได้อย่างปกติ ยกเว้นบริเวณที่มีข้อพิพาทซึ่งอยู่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่ง ททท. ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขณะนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงของภาครัฐได้เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งดำเนินมาตรการ รักษาความปลอดภัยในพื้นที่ และประสานความร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน



          ททท. เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะไม่เพียงสร้างโอกาสทางธุรกิจ หากแต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนการเดินทางระหว่างไทย–จีนอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมแบบ “Two-Way Tourism” และย้ำสถานะของประเทศไทยในฐานะ จุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ ในใจของนักท่องเที่ยวจีน



          Road Show ครั้งนี้ คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย–จีน พร้อมขยายผลสู่อนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่เติบโตบนรากฐานของความเข้าใจและความร่วมมืออย่างแท้จริง

การท่องเที่ยวคือพลังเชื่อมโยงทั้งผู้คน เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 

#Amazingthailand #RoadShowChina2025  #Twowaytourism #中泰一家亲 #游泰国越玩越倾心

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

CP LAND เปิดวาร์ปทีเซอร์ซิงเกิลแรก ‘Shine Like LUXRIVA’ เสริมพลังแบรนด์ ผ่าน AI Member

CP LAND เปิดวาร์ปทีเซอร์ซิงเกิลแรก ‘Shine Like LUXRIVA’

เสริมพลังแบรนด์ ผ่าน AI Member

       บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย สร้างความฮือฮาในวงการฯ ด้วยการปล่อยซิงเกิลแรก “Shine Like LUXRIVA” ผลงานล่าสุดโดย CICI, NEWS VOICE – AI Member ที่เริ่มต้นจากบทบาทผู้รายงานข่าวเสมือนจริง และก้าวสู่บทบาทใหม่ในฐานะศิลปิน AI คนแรกในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เพลงนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของ CICI ที่สะท้อนแนวคิดการสื่อสารแบรนด์รูปแบบใหม่ที่ CP LAND มุ่งพัฒนา ผ่านการใช้เทคโนโลยีเสียงผสานความคิดสร้างสรรค์จากทีมการตลาด In-house อย่างเต็มศักยภาพ

         ผลงานเพลง “Shine Like LUXRIVA” พัฒนาโดยทีม #TeamCPLAND ด้วยเทคโนโลยีเสียงคุณภาพสูง ถ่ายทอดจังหวะดนตรีและบรรยากาศของโครงการ LUXRIVA RESIDENCES จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อย่างละเมียดละไมและมีชีวิต ภายใต้แนวคิด ‘‘ความหรูหราแบบใกล้ชิดธรรมชาติ’’ ที่เน้นความเรียบง่าย สงบ แต่ยังคงความประณีตและคุณภาพในทุกองค์ประกอบ เพลงนี้ถูกออกแบบให้เข้าถึงได้ทั้งในเชิงภาพลักษณ์และอารมณ์ ถ่ายทอดคุณค่าของโครงการ และเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับแนวคิดได้อย่างกลมกลืน ผ่านภาษาของเสียงดนตรี

         นางศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มงานการตลาด การสร้างเเบรนด์ เเละ สื่อสารองค์กร CP LAND กล่าวว่า นี่คือก้าวต่อไปของ CP LAND ในการสื่อสารแบรนด์ผ่านศักยภาพของ AI ที่พัฒนาโดยทีมการตลาดองค์กรโดยมี CICI เป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องราวแบรนด์ ผ่านน้ำเสียง อารมณ์ และแรงบันดาลใจ 

           กลยุทธ์นี้สอดคล้องกับแนวคิด Tribes Marketing ที่มุ่งเน้นการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์และความสนใจใกล้เคียงกัน เสริมสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของคอมมิวนิตี้ โดยเน้นการสื่อสารแบบสองทาง มากกว่าการโหมโฆษณาแบบดั้งเดิม หรือการจำกัดกลุ่มเป้าหมายด้วยอายุหรือเพศ

          การตลาดในวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องการขายสินค้า แต่เป็นการสร้างความผูกพัน เพื่อเข้าถึงผู้บริโภค โดยเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับคุณค่าที่พวกเขาให้ความสำคัญ นางศศินันท์กล่าวเสริม

           CP LAND วางแผนนำเพลงฉบับเต็มไปต่อยอดในแคมเปญการสื่อสารของโครงการ LUXRIVA RESIDENCES จังหวัดนครศรีธรรมราช ทั้งในช่องทางดิจิทัล วิดีโอ และกิจกรรมหน้างาน โดยมุ่งเน้นการสร้างอารมณ์ร่วมและความรู้สึกเชื่อมโยง มากกว่าการสื่อสารเฉพาะรายละเอียดของตัวโครงการ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้สัมผัสตัวตนเเละเสน่ห์ของแบรนด์ในมิติใหม่

เตรียมพบกับซิงเกิลแรกฉบับเต็ม ‘Shine Like LUXRIVA’ ขับร้องโดย CICI, ชนันญา ต้นเดือนสิงหาคม 2568 ชมทีเซอร์ได้ที่

FB :  https://bit.ly/3GSKd4r 

IG :  https://bit.ly/4m0rbYY 

X :  https://bit.ly/4luBc0F 

TikTok :  https://bit.ly/4lzzPO7 

Youtube :  https://bit.ly/4lDYQYG 

Linkedin :  https://bit.ly/3TMwAXG 

#CPLAND #ซีพีแลนด์ #AccessibleCommunitiesForLife #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #CICI #CPLANDNewsVoice  #TeamCPLAND #VirtualPresenter #HumanAvatarAI #DigitalCommunication #ShineLikeLuxriva


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพิ่มศักยภาพ เสริมทักษะสร้างความปลอดภัยแก่สตรี

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เพิ่มศักยภาพ เสริมทักษะสร้างความปลอดภัยแก่สตรี 

จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ ในหลักสูตรการอบรมเชิงปฏิบัติการ 

"หลักสูตรเบื้องต้นวิชาป้องกันตัวต่อต้าน ภัยคุกคามและความรุนแรงต่อสตรี"


         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานเปิดโครงการและอบรมเชิงปฏิบัติการ "หลักสูตรเบื้องต้นวิชาป้องกันตัวต่อต้าน ภัยคุกคามและความรุนแรงต่อสตรี" ให้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครมูลนิธิฯ เพื่อให้มีความรู้และเข้าใจตลอดจนตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากผู้ไม่ประสงค์ดี รวมทั้งมีทักษะในการประเมินความเสี่ยงจากผู้ไม่หวังดี และสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากผู้ไม่ประสงค์ดี ณ จุดเกิดเหตุ ขณะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อตนเอง และผู้ประสบเหตุ ซึ่งได้รับเกียรติจากคณะผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกสอนจาก Family BJJ เป็นวิทยากรให้ความรู้ โดยมี นายอรัณย์ โตทวด ผู้จัดการใหญ่มูลนิธิฯ เป็นผู้กล่าวปิดการอบรม พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ อาสาสมัคร และอาสาสมัครศิลปิน นำโดย นางสาวอัญชลี จงคดีกิจ (ปุ๊ อัญชลี) นางดวงตา ตุงคะมณี นางสาวพัชรมัย บุญเลิศกุล (แพรว พัชรมัย) และ นางสาวณัฐชา รัตน์ชยางคานนท์ (กานต์ ณัฐชา) ร่วมเข้ารับการอบรม ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568



         นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้จัดตั้งแผนกฝึกอบรมขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเผยแพร่องค์ความรู้แก่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของมูลนิธิฯ ตลอดจนหน่วยงาน องค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน สถานศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับการปฐมพยาบาล การแพทย์ฉุกเฉิน การบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น เพื่อป้องกัน และลดการสูญเสีย โดยปัจจุบันมีการจัดอบรมทั้งในระบบออนไซต์ (On-site) ทั้งใน และนอกสถานที่ และ ระบบออนไลน์ (Online) รวมกว่า 20 หลักสูตร ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418 ต่อ แผนกฝึกอบรม ติดตามการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung


         ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง นอกจากจะบำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ วรรณะ และศาสนา ยังเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน รวมทั้งการสนับสนุนงานด้านสาธารณสุขให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาส ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต

#แอปพลิเคชันและสายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

"ชัย" ประธาน สทท. นำทีม แถลงข่าว “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย และอัพเดตสถานการณ์ท่องเที่ยว” ไตรมาส 2/256

"ชัย" ประธาน สทท. นำทีม แถลงข่าว “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย 

และอัพเดตสถานการณ์ท่องเที่ยว” ไตรมาส 2/2568



       สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) แถลงข่าว “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและอัพเดตสถานการณ์ท่องเที่ยว”ไตรมาส 2/2568  โดยมี นายชัย อรุณานนท์ชัย ประธาน สทท. เป็นประธานแถลงข่าว พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรีเอนก นุรักษ์ รองประธานฝ่ายบริหาร สทท. นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธานฝ่ายยุทธศาสตร์ นายจีระยุ จารุกิตติวรกานต์ เลขาธิการ สทท. และรศ.ผกากรอง เทพรักษ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ร่วมแถลงข่าว ท่ามกลางคณะกรรมการบริหาร สทท. อาทิ นางฉลอม สงล่า, นายแพทย์สมชัย เจียรนัยศิลป์, นางสมทรง สัจจาภิมุข, นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์, นายวัสน์พล อรรถพรธนเสฐ, นางสาววิชชุพรรณ ภูเก้าล้วน ศรีสัญญา, นายรัชชพร พูลสวัสดิ์, นางกชนิภา อินทสุวรรณ, นายวิทวัส เมฆสุด, นายสุรัตน์ ศรีเบญจโชติ, นางศุลีพร เสรีวิวัฒนา, นายวรวุฒิ วรแสง และนายสมเกียรติ หินทอง รวมทั้งสื่อมวลชน เข้าร่วมฟังจำนวนมาก ณ ห้องประชุมจารุวัสต์ ชั้น 10 อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฏาคม 2568




       จาก “ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและอัพเดตสถานการณ์ท่องเที่ยว”ไตรมาส 2/2568 นี้ว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวครึ่งปีแรกของปี 2568 เกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกิดความกังวลในการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยหลายเหตุการณ์ เช่น การลักพาตัวดาราชาวจีนและเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงจนตึกถล่มในประเทศไทย ทำให้นักท่องเที่ยวที่พูดภาษาจีน (Chinese-speaking tourists) ลดลงไปเกือบร้อยละ 50 และคาดว่าความกังวลยังส่งผลไปถึงกลางไตรมาส  3/2568 รวมทั้งเศรษฐกิจโลกในปี 2568 มีแนวโน้มชะลอตัวลงในระดับต่ำสุดในรอบ 16 ปี จากการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของสหรัฐอเมริกา ทำให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกเกิดความกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ไม่แน่นอนในระยะข้างหน้า ส่งผลให้นักท่องเที่ยวทั่วโลกมองหาความคุ้มค่าในการใช้จ่าย โดยเลือกเดินทางไปยังประเทศใกล้บ้านมากขึ้นเพื่อลดค่าใช้จ่ายจากการเดินทาง นอกจากนี้พบว่าไตรมาสนี้นักท่องเที่ยวมาเลเซียลดลง เนื่องจากมีความกังวลต่อความปลอดภัยจากสถานการณ์การก่อวินาศกรรมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ รวมทั้งไตรมาส 2-3 เป็นช่วง Low Season ของการท่องเที่ยวในประเทศไทย



       การประเมินสถานการณ์ท่องเที่ยวจากสถานประกอบการจำนวน 741 สถานประกอบการ พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย ไตรมาส 2/2568 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 70 (ไตรมาสที่ผ่านมา 83) เป็นการลดลงในระดับมาก และลดลงมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ค่าดัชนี 2/2567,79) ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 65 เป็นการคาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวที่ลดลงกว่าไตรมาสนี้และลดลงกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา



       คาดการณ์ไตรมาส 3/2568 ผู้ประกอบการเกือบทุกภูมิภาคคาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาสหน้าจะลดลงกว่าไตรมาสนี้  ยกเว้นภาคกลางที่คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในไตรมาสหน้าไม่แตกต่างจากไตรมาสนี้ คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวในภาคกลาง (68) เป็นบวกมากกว่าภูมิภาคอื่น รองลงมาเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (67) ส่วนกรุงเทพมหานคร (58) คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกน้อยกว่าภูมิภาคอื่น โดยธุรกิจที่พักแรม (59) และสถานบันเทิง (59) คาดว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวเป็นบวกน้อยกว่าธุรกิจประเภทอื่น



       รายได้ในภาพรวมของสถานประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ร้อยละ 45 ของก่อนเกิดโควิด-19 ปี 2562 ลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาในระดับมาก (รายได้ไตรมาส 1/2568,58) ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/2565 ช่วงที่การระบาดของโรคโควิดเริ่มผ่อนคลาย และมีการยกเลิกการลงทะเบียน Thailand Pass สะท้อนสภาพเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ธุรกิจร้านอาหารมีรายได้ประมาณร้อยละ 54 ของก่อนเกิดโควิด รองลงมาคือธุรกิจที่พักแรม (ร้อยละ 48) ส่วนร้านขายของฝาก/ของที่ระลึกและสถานบันเทิง (ร้อยละ 39) รายได้ลดลงมากที่สุด สถานประกอบการในภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีรายได้เป็นบวกมากกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 49) ส่วนภาคเหนือ (ร้อยละ 40) มีรายได้ลดลงกว่าช่วงเวลาปกติมากที่สุด อัตราการเข้าพักของธุรกิจที่พักแรมในไตรมาส 2/2568 ในภาพรวมร้อยละ 48 ลดลงในระดับมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (OCC 1/2568,56) โดยภาคตะวันตกมีอัตราการเข้าพักสูงกว่าภูมิภาคอื่น (ร้อยละ 53) รองลงมาเป็นภาคตะวันออก (ร้อยละ 50)



        จากการสำรวจคนไทยจำนวน 450 คนทั่วประเทศ พบว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างจังหวัดของคนไทยในไตรมาส 2/2568 ประมาณ 4,976 บาท/คน/ทริป เพิ่มขึ้นกว่าไตรมาสที่ผ่านมา นอกจากนี้พบว่ากลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 64 มีหนี้สิน โดยมีหนี้สินประมาณร้อยละ 32 ของรายได้ โดยอาชีพเกษตรกรและอาชีพรับจ้างทั่วไปได้รับผลกระทบจากหนี้ครัวเรือนมากกว่าอาชีพอื่นๆ เนื่องจากมีรายได้น้อยและรายได้ไม่แน่นอน คาดการณ์สถานการณ์ท่องเที่ยวของคนไทยในไตรมาส 3/2568 พบว่ามีแนวโน้มลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา (ร้อยละ 31) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะคนไทยขาดกำลังซื้อ และเศรษฐกิจภายในประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ประชาชนต้องการให้มี “โครงการคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศขึ้นอีกครั้ง



        และจากการสำรวจนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 302 คน พบว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวในไตรมาส 2/2568 ประมาณ 46,718 บาท/คน/ทริป โดยนักท่องเที่ยวยุโรปใช้จ่ายมากที่สุด (64,169 บาท/คน/ทริป) รองลงมา ตะวันออกลาง (56,889 บาท/คน/ทริป) ส่วนนักท่องเที่ยวจีน ค่าใช้จ่ายประมาณ 50,000 บาท/คน/ทริป  

        คาดว่าทั้งปี 2568 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 33.3 ล้านคน น้อยกว่าปี 2562 ร้อยละ 16.5 และน้อยกว่าปี 2567 ร้อยละ 6.2 คาดว่าปี 2568 มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.75  ล้านล้านบาท น้อยกว่าปี 2562 ร้อยละ 8.3 คาดว่า ปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 4.5 ล้านคน ค่าใช้จ่าย ประมาณ 50,000 บาท/คน/ทริป  มีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 225,000 ล้านบาท







มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียมแก่ชาวนครราชสีมา

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งขยายโอกาส สร้างอาชีพ สร้างชีวิตอย่างเท่าเทียมแก่ชาวนครราชสีมา  มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ท...