เที่ยวงานสีสันดอยตุง เดินเล่นสกายวอล์กแม่สาย ชงชารสชาติตนเอง
ชมดอกไม้หลากสีสันสวยงามงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย"
เชียงรายพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย นำโดย นายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย ร่วมกับ โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี จัดทริป “Media FAM Trip” เหินฟ้าจากท่า
อากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ สู่สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
เมื่อถึงสนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย น้องดล และน้องแยม เจ้าหน้าที่ของ ททท.สำนักงานเชียงราย ก็มาคอยต้อนรับอย่างดีพร้อมรอยยิ้ม พาคณะเราไปรับประทานอาหารเช้าที่ "ร้านสหรส เกาเหลาเลือดหมู" ร้านนี้เป็นร้านที่เด่นในเรื่องอาหาร เกาเหลาเลือดหมูที่เลื่องชื่อ ด้วยน้ำซุปที่ปรุงได้ที่ บวกกับหมูบะช่อที่ใส่มาก้อนใหญ่ๆ ปรุงรสมาอย่างดี รวมทั้งเครื่องในต่างๆ ทำมาดี ไม่มีกลิ่นคาวให้เสียอารมณ์ในการทาน แถมใส่ผักจิงจูฉ่ายที่มีสรรพคุณหลายอย่าง ทำให้ได้ต้มเลือดหมูที่มีรสชาติอร่อย กลมกล่อมถูกคอนักกิน
หลังทานอาหาร คณะเราก็พร้อมเดินทางไปที่ "โครงการพัฒนาดอยตุง เนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี" อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อร่วมเทศกาล "สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11" ในธีมใหม่สุดพิเศษ “WINTER WONDERDOI" ปล่อยใจ ปล่อยจอย ในดินดอยมหัศจรรย์ DoiTung x NEWYEAR” ที่สื่อถึงความ มหัศจรรย์ของดอยตุง ผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติที่ผสมผสาน อย่างลงตัว”
โดยคณะเราเดินชมไฮไลต์ ที่น่าตื่นตาตื่นใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์หายากบนดอยตุง โดยมีศิลปินป๊อปอาร์ตรุ่นใหม่ “NEWYEAR ปภากร ศรีกัลยกร” ที่มาออกแบบเป็นตัวการ์ตูนคาแรคเตอร์สุดน่ารัก ทั้งสะพานนางอายสายรุ้ง สะพานไม้ที่ทอดผ่านสวนดอกไม้ ท่ามกลางสระมรกต, บันไดสายรุ้ง จุดชมวิวที่สร้างบรรยากาศให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังเดินเข้าสู่สายรุ้งแห่งดอยตุง และประติมากรรมสัตว์ป่า เช่น ตัวตุ่น บอลลูนแมวดาวยักษ์ ที่กระจายอยู่ทั่วสวนดอกไม้ ให้ตามเช็คอิน “มุมแชะภาพสุดว้าว” ที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณเต็มไปด้วยสีสัน ความสุข และแรงบันดาลใจ เก็บความประทับใจกลับบ้าน, สวนดอกไม้ระบายดอย: ความงามที่ไม่เคยจางหาย สวนดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดที่ได้รับการตกแต่งใหม่ ด้วยดอกไม้เมืองหนาวหลากสีสัน ที่ออกแบบเพื่อสร้างบรรยากาศฤดูหนาว เขาวงกตลอยฟ้า ชิ้นงานศิลปะที่ผสมผสานประเพณีและความเชื่อของชาวไทใหญ่, ถนนคนเดินดอยตุง ที่วัฒนธรรมจาก 6 ชนเผ่า ได้แก่ อาข่า ลาหู่ ไทลื้อ ไทใหญ่ ไทลัวะ และจีนยูนนาน มาเจอกับความร่วมสมัย ซึ่งรวบรวมสินค้า อาหาร และเครื่องดื่ม ที่มีเมนูพิเศษอย่าง ข้าวอิโต หมูดำย่างจิ้มแจ่ว อกไก่ย่างซอสสะเบี๊ยะ ไอศกรีมดอยตุง 3 รสชาติ ที่สร้างจากแรงบันดาลใจของธรรมชาติ รวมถึงงานหัตถกรรมชนเผ่า สินค้าแฮนด์เมดที่ออกแบบอย่างร่วมสมัย และการแสดงและดนตรีพื้นเมือง การเต้นรำจากชนเผ่า เช่น รำกระทุ้งไม้ไผ่ หรือการโชว์ดนตรีจากเครื่องดนตรีพื้นเมืองซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยว ไม่ควรพลาด และร่วมสนุกกับกิจกรรมสร้างสรรค์ เวิร์กช็อป การทำเครื่องประดับจากลูกปัด, DIY พวงกุญแจดอกไม้แห้ง การเพ้นท์เซรามิก เกมสนุกๆ ที่ช่วยสร้างความตระหนักถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ และนิทรรศการผลกระทบของภาวะโลกร้อน งานเทศกาล “สีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 11” จะจัดไปจนถึง 26 มกราคม 2568 เปิดบริการทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
หลังเดินชมงานเทศกาลแล้ว คณะเราก็เดินไปชมความสวยงามที่เลอค่าของ "พระตำหนักดอยตุง" ที่ถือเป็นบ้านหลักแรกของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2531 สร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เน้นความเรียบง่าย ใช้ประโยชน์ได้จริง สะท้อนถึงพระราชจริยวัตรของพระองค์ โดยเป็นศิลปะล้านนากับชาเลต์แบบ Swiss Chalet กลางท้องพระโรงแหงนมองดูเพดานที่แกะสลักเป็นกลุ่มดวงดาวในสุริยจักรวาล เรียงตามองศาในวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2443 ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพ ภายในมีห้องทรงงาน ห้องบรรทม ภาพถ่ายภาพวาดที่หาชมได้ยาก อุปกรณ์ประดิษฐ์อุปดอกไม้แห้งและปักผ้าครอสติทช์ หนังสือเวลาเป็นของมีค่า หนังสือที่จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงเจริญพระชนมมายุครบ 84 พรรษา 6 พฤษภาคม 2550 เนื้อหาของหนังสือกล่าวถึงพระกรณียกิจยามว่างของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เช่น การเขียนภาพบนเครื่องปั้นดินเผา การปั้นพระพุทธรูป การปักผ้า และการเก็บรักษาดอกไม้ ฯลฯ พระกรณียกิจเหล่านี้เป็นการทรงใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ ด้วยการทำงานอดิเรก โดยไม่ปล่อยให้เวลาที่มีค่าสูญเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย (ภายในสามารถถ่ายภาพได้บางส่วนและงดถ่ายวิดีโอ)
ตามด้วยการเข้าชมความสวยงามของดอกไม้ ณ "สวนแม่ฟ้าหลวง" (สวนดอยตุง) บนพื้นที่ 25 ไร่ เป็นสวนไม้ดอกหลากหลายพันธุ์ ผลิดอกสีสันสวยงามหลากสีกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนออกดอกตลอดปี รวมถึงไม้มงคล ไม้ยืนต้น ซุ้มไม้เลี้อยมากกว่า 70 ชนิด กล้วยไม้จำพวกรองเท้านารีชนิดต่างๆ บริเวณกลางสวนยังมีประติมากรรมของ "มีเซียม ยิบอินซอย" โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชทานชื่อว่า "ความต่อเนื่อง" เป็นประติมากรรมรูปเด็กยืนต่อตัวกัน ที่สื่อถึงการทำงานจะสำเร็จได้ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดินจนเหนื่ยคณะเราจึงนั่งพักจิบกาแฟชมวิวในสวนที่ “คาเฟ่ดอยตุง”
มาเชียงรายทั้งที ก็ไม่พลาดจะเดินทางไปตัวเมืองแม่สายและท่าขี้เหล็ก ไทย-เมียนม่า เพื่อเดินช้อปปิ้งสินค้าที่มีให้เลือกมากมาย พร้อมขึ้นไปกราบสักการะ "พระธาตุดอยเวา" ณ "วัดพระธาตุดอยเวา" ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นพระธาตุสำคัญอันศักดิ์สิทธิ์ที่คู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงราย ที่ว่ากันว่ามีความเก่าแก่รองลงมาจากพระธาตุดอยตุง วัดพระธาตุดอยเวา สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 364 โดย พระองค์เวา ผู้ครองนครโยนก เพื่อเป็นสถานที่บรรจุพระเกศาธาตุ เมื่อเวลาผ่านไปพันปี ก็มีการชำรุดผุพัง จนกระทั่งได้มีการบูรณะวัด จึงได้มีการค้นพบผอบบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ 5 องค์ และบรรจุไว้ในฐานเจดีย์ดังเดิม ก่อนจะมีการวางศิลาฤกษ์และก่อองค์พระเจดีย์สีทองอร่ามอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ในปี พ.ศ. 2498 ภายในวัดยังมี ท้าวเวสสุวรรณ พระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และ พระสุพรรณกัลยา และรูปปั้นแมงป่อง (แมงเวา) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำวัดพระธาตุดอยเวา มาที่วัดนี้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดนั่นก็คือ การเดินบน สกายวอล์ควัดพระธาตุดอยเวา (สกายวอล์คแม่สาย) แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของ จ.เชียงราย เป็นสกายวอล์คที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย ที่ถือว่าเป็นสกายวอล์คยาวที่สุดในประเทศไทย ยาวประมาณ 150 เมตร ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพมุมสูงที่สวยงามของฝั่งไทยและเมียนมา ที่ปกคลุมไปด้วยป่าเขาสีเขียวขจีได้ไกลสุดลูกหูลูกตาอย่างชัดเจน
จากนั้น คณะเราก็เดินทางเข้า "โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี" ที่พัก และรับประทานอาหารเย็น ชาบู ณ ห้องอาหาร Blossom ของโรงแรม โดยมีนายวิสูตร บัวชุม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงราย กล่าวต้อนรับ ปิดท้ายวันนี้ด้วยการชมไฟนับล้านดวง ที่ประดับตกแต่งสวยงามยิ่งใหญ่อลังการริมแม่น้ำกก ในงานเทศกาลโคมไฟ "The Riverie Garden of Lights – The Wonderland" ภายในโรงแรม
วันที่สอง พระอาทิตย์เริ่มทอแสง วันนี้คณะเราเดินทางไปที่ อ.เทิง จ.เชียงราย เพื่อเข้าเยี่ยมชมท้องนาออแกนิค รับพลังธรรมชาติ ณ "ไร่รื่นรมย์" แหล่งเรียนรู้ไร่ต้นแบบของไร่เกษตรอินทรีย์ ปลูกพืชผักผลไม้แบบออร์แกนิค ที่ปราศจากสารเคมี ภายใต้คอนเซปต์ “กิน อยู่ รู้ นอน” และใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมพลังงานโซลาเซลล์ และไบโอแก๊ส เพื่อสร้างพื้นที่ และวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อผู้คน และสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสนับสนุนการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ จนได้รับรางวัล ASEAN Energy Awards 2024 รางวัลชนะเลิศ สาขา Off-Grid (Power) รางวัลสูงสุดด้านพลังงานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้การใช้ชีวิต ท่องเที่ยวเชิงเกษตร เปิดประสบการณ์พักผ่อนในรูปแบบใหม่ที่เรียกได้อย่างเก๋ไก๋ว่า “Organic Life Style” ตื่นตาตื่นใจไปกับการทำไร่แบบเกษตรอินทรีย์ และร่วมทำกิจกรรม D.I.Y. ที่สนุกสนานหรรษา ไม่ว่าจะเป็น การทำไข่เค็มสมุนไพรสูตรไร่รื่นรมย์, การทำผ้ามัดย้อมจากสีธรรมชาติ, โฮมเมดคุกกี้, น้ำผึ้งป่าผสมดอกไม้สมุนไพรที่เป็นออร์แกนิค, โฮมเมดพิซซ่า, เบลนด์ชาสมุนไพรสด, ตกแต่งเค้ก และด๊องแด๊งเส้นสด แต่ทริปนี้คณะเราทำกิจกรรมการชงชาสมุนไพรและทำผ้ามัดย้อม สร้างสรรค์ลายผ้าย้อมสีตามธรรมชาติด้วยตนเอง ซึ่งถือเป็นงานมาสเตอร์พีซ ซึ่งมีเพียงผืนเดียวในโลก หลังชื่นชมผลงานผ้ามัดย้อมอย่างชื่นมื่น คณะเราก็ทานอาหารกลางวันที่นี่ ลิ้มลองอาหารที่ผลิตจากวัตถุดิบออร์แกนิค มีเมนูเป็น ขนมหัวผักกาด, ยําก๋วยเตี๋ยวไร่ทุ่ง, ข้าวยําไร่ทุ่ง ซึ่งเป็นซิกส์เนเจอร์ที่ต้องลอง , ยําจิงจูฉ่ายทอดกรอบ, ปลานิล เห็ดทอด ซอสซีซ่าร์ และสปาเก็ตตี้ปลากระพง ซอสกะเพรา เครื่องดื่มชาตะไคร้อัญชัญ และของหวาน พานาคอตต้าอัญชัญ ที่นี่ยังมีที่พักและสินค้าออร์แกนิคมากมายมาจำหน่ายให้นักท่องเที่ยวอีกด้วย สนใจติดต่อโทร 0951348821, 0970870085
หลังเรียนรู้วิถีเกษตรอินทรีย์และช้อปสินค้าออร์แกนิคแล้วคณะเราก็เดินทางกลับไปที่ "โรงแรมเดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี" ที่พัก โดยมีคุณหญิง-อัจฉรา กิติฐานะ Sales and Marketing Manager กล่าวต้อนรับ พร้อมพาชมโรงแรม และอธิบายให้ฟังว่า โรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก มีการตกแต่งที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนในรูปแบบ Classic Contemporary ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยควบคู่กับกลิ่นไอล้านนา โดยมี "หม้อบูรณฆฎะ" เป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม ที่ถือเป็นสิ่งแสดงถึงความเจริญรุ่งเรือง ความสมบูรณ์ มีการนำหม้อบูรณฆฎะมาประดับบนหัวเตียง เพื่อเป็นการอวยพรให้แขกผู้มายือน บริเวณลอบบี้โอ่โถงก็มีหอคำและเรือนแก้วที่สวยงาม มีบุษบกซึ่งประดิษฐาน "พระพุทธสิหิงค์" ซึ่งถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวเชียงราย โรงแรมนี้มีห้องพักกว่า 271 ห้อง หลากหลายรูปแบบทั้ง ห้อง Deluxe Garden, ห้อง Deluxe River ห้องพักวิวแม่น้ำที่ถือว่ามีมากที่สุดในเชียงราย, ห้อง Deluxe Water Park ตอบโจทย์สายครอบครัว, ห้อง Family Suite สำหรับครอบครัวใหญ่ และพาชมห้องอาหารคือ ห้องอาหาร Blossom เป็นห้องอาหารเช้า ที่ตกแต่งด้วยดอกไม้สีสันสดใส มีไลน์บุฟเฟต์เมนูหลากหลายให้เลือกทาน, ห้องอาหาร China Ganden เป็นห้องอาหารจีนขึ้นชื่อของโรงแรมและจังหวัดเชียงราย ที่ให้บริการติ่มซำและอาหารจีนแบบ และห้องอาหาร The Peak Wine & Grill เป็นห้องอาหารให้บริการอาหารยุโรป และเครื่องดื่มค๊อกเทล นอกจากนี้ ภายในโรงแรมยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้เข้าพักให้มีความมั่นใจในระหว่างการใช้บริการมากขึ้น
และในช่วงนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ทางโรงแรมได้จัดให้มีงานเทศกาลโคมไฟ "The Riverie Garden of Lights – The Wonderland" เดอะ ริเวอร์รี สวนแห่งแสง ดินแดนมหัศจรรย์ " ที่ตกแต่งประดับไฟนับล้านดวง ยิ่งใหญ่อลังการสวยงามงานริมแม่น้ำกก สำหรับบุคคลทั่วไปที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถเข้าชมงานได้ฟรี! สนใจจองห้องพัก โทร: 053 607 999
เช้าวันใหม่ อากาศเป็นใจ ฝนฟ้าไม่ตก คณะเราก็เดินทางไปเที่ยวฟาร์มแกะเปิดใหม่อีกหนึ่งแห่งชื่อ “อะบอนโซ่ ยามะมิซึ” (Abonzo Yama Mitsu) หมู่บ้านป่าอ้อ ถนนบายพาสฝั่งตะวันตก ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นฟาร์มแกะบนเนินเขา มีพื้นที่กว้างขวาง มีวิวทิวทัศน์สวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นและสัมผัสความน่ารัก รวมถึงให้อาหารน้องแกะขนฟูพันธุ์คอร์ริเดล จากออสเตรเลียเกือบ 40 ตัว ที่วิ่งเล่น หรือเดิน และเล็มหญ้า ท่ามกลางวิวแม่น้ำกกและขุนเขาตั้งตระหง่าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น. โดยเสียบัตรค่าเข้าชมแกะ คนละ 100 บาท เด็กสูงไม่เกิน 110 ซม. เข้าฟรี นักท่องเที่ยวสามารถนำนำบัตรเข้าชมไปแลกเครื่องดื่มได้
สนุกสนานกับความน่ารักของแกะแล้ว คณะเราเดินทางชิมชาที่ "Sawanbondin Tea House & Experience" สวรรค์บนดิน ทีเฮาสส์ อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เป็นร้านสไตล์มินิมอลหลังเล็ก ที่ตกแต่งโทนขาวน้ำตาลมองแล้วสบายตา บรรยากาศความร่มรื่น เหมาะสำหรับการนั่งจิบชา กินขนม เป็นเหมือนสวรรค์เล็กๆ ของคนรักชา มีคาเฟ่ดึงดูดผู้มาเยือนด้วยกลิ่นหอมกรุ่นท่ามกลางฟาร์มสเตย์ แต่เมื่อคณะเราเดินเข้าไปสัมผัสจึงได้รู้ว่าที่แห่งนี้ยังเป็น ‘ศูนย์การเรียนรู้ขนาดย่อม พร้อมมอบประสบการณ์ดีๆ ให้ผู้มาเยือน โดย "คุณโต - ชูเกียรติ เวสารัชชพงศ์" เจ้าของได้เล่าถึงความพิเศษที่น่าหลงใหลและน่าค้นหาว่า "อัสสัม" เป็นชาป่าหาได้ทั่วไปในพื้นที่ เติบโตในป่าที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘ป่าเมี่ยง’ คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีมูลค่าเขาก็พากันตัดทิ้ง แต่เราอยากให้ชาวบ้านรู้ว่าเรามีชาดีอยู่ใกล้ตัว เลยเริ่มคิดค้นสูตรและค่อยๆ ต่อยอดให้เขาเห็น มาที่นี่ทุกท่านจะได้เรียนรู้เรื่องราวของ ‘ชา’ ตั้งแต่กระบวนการผลิตชาสมุนไพรที่ใส่ใจทุกขั้นตอน นอกจากจะมีชาให้ได้ลิ้มลอง ยังมีเวิร์คชอปสำหรับผู้สนใจเรื่องการออกแบบรสชาติชาในแบบที่ตัวเองชอบ ให้ได้เรียนรู้กันตั้งแต่ลักษณะเด่นของชาแต่ละตัว วิธีชงชา ชิมชา และเบลนด์ชา ชาสมุนไพรของสวรรค์บนดินมีทั้งหมด 8 รสชาติ ได้แก่สูตรดั้งเดิมคือ อัญชัน มะตูม กระเจี๊ยบ เก็กฮวย เจียวกู่หลาน ตะไคร้ แถมด้วยสูตรพิเศษที่เพิ่งจำหน่ายไม่นาน คือ"นมัสการ" และ "ภาวนา" และชาซิกเนเจอร์ของร้านที่โดดเด่นเรื่องความหอมต้องยกให้ ชาสวนดอกไม้ ติดต่อได้ที่โทร. 081 205 3554
ชิมชาจนพอใจจนถึงบ่าย คณะเราก็เดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่ห้องอาหารจีน China Ganden ของโรงแรมเดอะ ริเวอร์รี่ บาย กะตะธานี ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของติ่มซำและอาหารจีนแบบดั้งเดิม ในบรรยากาศจีนๆ ที่ตกแต่งในคอนเซปดอกไม่สี่ฤดูของจีน ได้แก่ ดอกเหมยโ ดอกบ้ว ดอกเบญจมาศ และดอกกล้วยไม้
ปิดท้ายทริปนี้ด้วยการเที่ยวชมดอกไม้นานาพันธุ์สีสันสวยงามในงาน “มหกรรมไม้ดอกอาเซียนเชียงราย" ภายใต้แนวคิด “The Magical Garden” สวนไม้งามสุดอลังการ ผสานกลิ่นอายเมืองเหนือ มาพร้อมกับเทคนิคสุดล้ำริมน้ำกก ณ สวนไม้งามริมน้ำกก ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย ให้กลายเป็นสวนแห่งเวทมนต์ ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ระหว่างวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2568 เมื่อเดินเข้าไปในสวน เราจะสัมผัสได้กับความสวยสดงดงามของสวนดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ที่ประยุกต์เข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว ร้อยเรียงเรื่องราวเสมือนเป็นโลกแห่งเวทมนต์ โดยความวิเศษของสวนไม้งามแบ่งเป็น 4 โซน คือ โซนที่ 1 ลูกแก้ววิเศษ โซนที่ 2 คาถาวิเศษ โซนที่ 3 ดอกไม้วิเศษ และ โซนที่ 4 สัตว์วิเศษ เติมเต็มจินตนาการ ส่งมอบความสุข ความสนุก และความตื่นตาตื่นใจกับเอฟเฟคสุดมหัศจรรย์ พร้อมรับชมการแสดง แสง สี เสียงในทุกค่ำคืน เพลิดเพลินไปกับการแสดงจากเยาวชน ในกิจกรรม “Chiang Rai Talent” การจัดนิทรรศการแสดงผลงานของหน่วยงานต่างๆ อิ่มท้องไปกับอาหารพื้นถิ่นเลิศรสบนเส้นทางถนนคนเดินและโซน Food Truck การจัดแสดงเรือนวิถีชีวิตล้านนาและชาติพันธุ์ กว่า 17 ชาติพันธุ์ ณ ข่วงวัฒนธรรม การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน และการจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายสายพันธุ์
ชมความสวยงามของดอกไม้แล้ว ก็ได้เวลาอำลาเมืองเชียงราย เดินทางสู่สนามบินนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
#ปิ๊กเจียงฮาย แอ่วเจียงฮาย
#ททท.เชียงราย
เรื่อง/ภาพ... อนุรักษ์ มงคลชัยประทีป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น