วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

BDMS จัดอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ "อิ่ม by BDMS"

BDMS จัดอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ "อิ่ม by BDMS"

       อิ่มอร่อยสุขภาพดีด้วย "อิ่ม by BDMS" ผู้ช่วยที่ทำให้มื้ออาหารของคุณเป็นเรื่องง่าย ตอบโจทย์สายรักสุขภาพด้วยเมนูหลากหลาย  BDMS (Bangkok Dusit Medical Services) เปิดตัวบริการด้านอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเฉพาะโรค และ อาหารเฉพาะบุคคล ภายใต้ชื่อแบรนด์ "อิ่ม by BDMS" ซึ่งเป็นอาหารที่ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบ เมนูอาหารและการปรุงอาหาร ที่อยู่ในการดูแลของนักโภชนาการ ทีมแพทย์ และเชฟ โดยออกแบบอาหารให้เหมาะสมเฉพาะกับแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วย หรือ ผู้ที่รักสุขภาพ


       เนื่องด้วยในปัจจุบันความเร่งรีบในชีวิตประจำวันทำให้หลาย ๆ คนให้ความสำคัญ ในการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่สำคัญอย่างมาก คือ เรื่องอาหารการกิน สำหรับคนที่อยากดูแลสุขภาพแต่คิดว่าการทำอาหารเพื่อสุขภาพเป็นเรื่องยุ่งยาก ใช้เวลานานและ ไม่มีเวลาพอที่จะทำ "อิ่ม by BDMS" อาหารสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ มีบริการผลิตและจัดส่งอาหารให้ถึงมือ โดยที่คุณไม่ต้องคอยกังวลที่จะต้องคำนวณสารอาหารต่าง ๆ ด้วยตัวเอง


"อิ่ม by BDMS"  มีให้บริการอาหาร 4 ประเภทด้วยกัน

1. อาหารเพื่อภาวะโรค (โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต โรคมะเร็ง อาหารเพื่อเตรียมการกลืนแร่ และอาหารผู้สูงอายุ)

2. อาหารเพื่อสุขภาพ เหมาะสำหรับสายรักสุขภาพ หรือ ผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก

3. อาหารทางสายยาง สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานทางปากได้ มีทั้งสูตร ผู้ป่วยเบาหวาน สูตรมาตรฐาน และสูตรเฉพาะบุคคล

4 อาหารเฉพาะบุคคล สำหรับการดูแลพิเศษ ด้วยการคำณวนสารอาหาร ตามสัดส่วนของแต่ละบุคคล ภายใต้การดูแล โดยทีมนักกำหนดอาหาร

        เพราะเราอยากให้ทุกคนได้ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง ให้อิ่ม ร่วมสร้างความมั่นใจให้ทุกคนด้วยอาหารของคุณที่จะ “อิ่มสุขทุกคำ” มาเปลี่ยนมื้ออาหารเดิมๆ ให้เป็นมื้อพิเศษ อิ่ม อร่อย และดีต่อสุขภาพไปกับ "อิ่ม by BDMS"

        ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ทาง Facebook : อิ่ม by BDMS หรือ โทร. : 02-310-3280 Line : @immbybdms  

LINK : https://page.line.me/immbybdms


วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

สจล. จัดพิธีลงนามในสัญญาโครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy)

สจล. จัดพิธีลงนามในสัญญาโครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) 

ที่ได้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) และระบบศูนย์การเรียนรู้ ระหว่าง สจล. และบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศ

       สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) จัดให้มีพิธีลงนามในสัญญาโครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่ได้ คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) และระบบศูนย์การเรียนรู้ ระหว่าง สจล. และบริษัทผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ออนวัลล่า จำกัด กิจการค้าร่วม วินเนอร์ เอเนอร์จี้ และเซ็นเตอร์พอยท์ และโซลาร์เอทู เดินหน้าลดคาร์บอนฟุ้ตพริ้นท์เต็มรูปแบบ และมุ่งเป้า ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 ภายใต้วิสัยทัศน์ในการเป็น ‘The World Master of Innovation’ ในอนาคต

       รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวว่า สถาบันให้ความสำคัญกับนโยบายเพื่อขับเคลื่อนไปสู่ Sustainable Campus  พร้อมเป็นต้นแบบ Green, Smart, และ Digital University ให้กับภาครัฐและเอกชน เพื่อเป็นแนวทางนำไปสู่การบริหารจัดการพลังงานอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน (Sustainable University) และต้นแบบให้กับประเทศ โดยตั้งเป้าหมาย ที่จะ ‘ลดปริมาณคาร์บอน’ ลงร้อยละ 50 ภายในปีคศ. 2028 และจะมุ่งเป้า ‘ความเป็นกลางทางคาร์บอน’ (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และ ‘การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์’ ภายในปี ค.ศ. 2065 ที่สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ ภายใต้บริบทของสจล. ในการเป็น ‘The World Master of Innovation’ ร่วมกับความเป็น Sustainable campus ที่เป็นเป้าหมายสูงสุด ในการพัฒนานักศึกษา บุคลากรและสภาพแวดล้อมไปพร้อมกัน ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDG 17 เป้าหมายขององค์การสหประชาชาติ

        ดังนั้นเพื่อเป้าหมายการเป็น Green University สถาบันจำเป็นต้องมีการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน เช่น การติดตั้ง solar rooftop เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ การใช้ KMITL EV mini shuttle bus ที่เป็นรถเวียนไฟฟ้า เพื่อลดสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการจัดการระบบพลังงานแบบอัจฉริยะนำโดย สำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ หรือ SCIRA เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่วมกับความเป็น Smart Energy เพื่อให้มีการติดตามการใช้และการจัดการพลังงานส่วนที่เหลือจากการใช้สามารถกลับมาใช้ได้อีก แบบ real-time  

          รองศาสตราจารย์  ดร.สมศักดิ์ มิตะถา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยนวัตกรรมเมืองอัจฉริยะ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า การร่วมลงนามครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นตามแผนลดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานที่สูญเปล่าและได้คาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นของสถาบัน ซึ่งโครงการนี้ เป็นการติดตั้ง Solar cell 10 MW ผลิตไฟฟ้าได้ 13,000,000 Wh/ปี (หน่วยต่อปี) สามารถคำนวณการปล่อยก๊าซ GHG emission ได้ประมาณ 3,000,000 Wh x 0.6933 kgCO2e/kWh = 9,012,900 kgCO2e/ปี หรือประมาณ 9 พันตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า/ปี หรือเทียบเท่าปลูกต้นไม้ได้ 900,000 ต้น/ปี

       สำหรับ Solar Rooftop มิใช่เป็นเพียง Solar Cell แต่เป็น Smart Device ที่มีสมองกล ส่งข้อมูลต่างๆ เช่น ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ ไปยัง สำนักบริหารข้อมูลดิจิทัลพระจอมเกล้าลาดกระบัง หรือ KDMC เพื่อจัดเก็บข้อมูล ประมวลผลข้อมูล และนำข้อมูลนั้น มาใช้ในการวางแผน การจัดการพลังงาน เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Digital University ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และบูรณาการข้อมูลต่างๆ จากระบบสารสนเทศ

    ส่วนระบบศูนย์การเรียนรู้ ของสจล.จะทำการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์ขนาดไม่น้อยกว่า 20 kWp และติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงชนิด Battery ขนาดความจุพลังงานไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 60 kWh จำนวน 1 ระบบ และติดตั้งรองรับระบบการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System.) เพื่อ ใช้เป็นศูนย์การเรียนรู้ โดยเป็นระบบ Smart Grid ที่ สามารถ รองรับเทคโนโลยี ได้แก่ Energy storage, Data Monitoring & Analytics, Blockchain 4.4 ถือเป็นการจำลองการปลดปล่อยมลภาวะเป็นศูนย์ (net zero emissions) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแหล่งเชื้อเพลิงหลักไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์


       และ "Net zero emissions" หรือ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ คือ การที่ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมีความสมดุล เท่ากับก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดซับออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งในสภาวะสมดุลนี้ก็ไม่เพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศ และหากทุกประเทศทั่วโลกสามารถบรรลุเป้า net zero emissions ได้ ก็แปลว่าเราสามารถหยุดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่วนเกิน ที่ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์โลกร้อนได้

        ผศ. ดร.ชดชนก อัฑฒพงศ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.)  กล่าวว่า เนื่องจากสถาบันมีนโยบายที่ชัดเจนในการมุ่งสู่การเป็นสถาบันที่ยั่งยืน (Sustainable Campus) โดยมี 5 เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ประกอบด้วย การสร้างการมีส่วนร่วมของนักศึกษา, การสร้างผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่โดดเด่น, การสร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน, การสร้างโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, สร้างสรรค์ระบบการบริหารที่ยั่งยืน  ซึ่งเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ 5 ด้านนี้ค่อนข้างสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน หรือ SDG 17 เป้าหมาย แบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ การพัฒนาคน (People) สิ่งแวดล้อม (Planet) เศรษฐกิจและความมั่งคั่ง (Prosperity) สันติภาพและความยุติธรรม (Peace) และความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership) ดังนั้น โครงการระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) จึงเป็นการตอบโจทย์ตามเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ทุกกลุ่ม

       โดยเฉพาะการติดตั้ง Solar rooftop สามารถลดการปลดปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 9 พันตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ชดเชยได้ 900,000 ต้น/ปี ซึ่งทั้งหมดนี้ ตรงกับ SDG ที่สถาบันกำลังมุ่งเน้น ได้แก่ SDG 4 Quality Education, SDG 7 Affordable and Clean Energy, SDG 9 Industry Innovation and Infrastructure, SDG 11 Sustainable Cities and Communities, SDG 17 Partnerships for the Goals เพื่อมุ่งสู่ความเป็น KMITL toward Sustainable Campus อย่างแท้จริง

          สำหรับ บริษัทผู้ให้บริการชั้นนำของประเทศ ที่ร่วมลงนามกับ สจล. ครั้งนี้ ประกอบด้วย บริษัท ออนวัลล่า จำกัด กิจการค้าร่วม วินเนอร์ เอเนอร์จี้ และเซ็นเตอร์พอยท์ และโซลาร์เอทู เป็นการลงทุนแบบ Power Purchase Agreement(PPA) ในสัญญาการให้บริการไฟฟ้าระหว่างสถาบันฯ กับบริษัท EPC โดยสจล.จะได้รับส่วนลดค่าไฟฟ้าตามที่ EPC กำหนด และมีระยะเวลาสัญญา 20 ปี จนเมื่อสิ้นสุดสัญญาและสถาบันฯ สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเจ้าของ Solar cell หรือให้รื้อออกได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม นับว่าทำให้เกิดผลดีต่อประเทศโดยรวม 

ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial  และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่  https://curriculum.kmitl.ac.th/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000


โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเตล แอนด์ คอนเวนชั่น จัดฟรีคอนเสิร์ตระดับตํานาน “ THE BROTHER FOUR

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเตล แอนด์ คอนเวนชั่น

จัดฟรีคอนเสิร์ตระดับตํานาน  “ THE BROTHER FOUR

       แฟนยุค 60 เตรียมตัวให้พร้อม! “ THE BROTHER FOUR “กลับมาอีกครั้งกับฟรีคอนเสิร์ตระดับตํานาน  เจ้าของเพลง Forever GREEN FIELD ที่ลือลั่นมาแล้วในอดีต โดยการสนับสนุนจากทิพยประกันภัย ทิพยประกันชีวิต  รีเจนชี่ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเท็ล แอนด์ คอนเวนชั่น และบีมียูคลินิค ในวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคมนี้ เวลา 17.30 น. ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเท็ล แอนด์ คอนเวนชั่น

        ความสุขของนักฟังเพลงวัยเก๋าที่จะได้ลุ้นกันจนแทบจะกลายเป็นธรรมเนียมแล้วว่า ปลัดแป๋ง (สมใจนึก เองตระกูล) จะเชิญใครจะมาเล่นคอนเสิร์ตให้ได้คลายเหงากัน หลังจากที่ทุกๆ ปี ตั้งแต่ปี 2557ได้เคยพาศิลปินระดับแถวหน้า อาทิ  The Platter, Johnny Tillotson & Brian Hyland, The Drifter, Jimmy Clanton และล่าสุด  Brian Hylan ที่ควงคู่มากับ Peggy March

        ในปี 2567 นี้ บรรดามิตรรักแฟนเพลงก็จะได้พบกับการกลับมาอีกครั้งของศิลปินระดับตำนาน THE BROTHERS FOUR ซึ่งจะมาให้ความสุข ความสนุกสนาน กับเพลงเพราะๆ ของพวกเค้ามากมาย อาทิเช่น Try to Remember, Puff (The Magic Dragon) , 500 Miles และที่ขาดไม่ได้คือสุดยอดเพลงฮิตอย่าง Greenfield นั่นเอง โดยคอนเสิร์ตครั้งนี้ ผู้ชมจะได้ฟังเพลงฮิตตลอดกาลอัดแน่นกว่า 2 ชั่วโมงเต็ม

แฟนเพลงแสดงโปสเตอร์ในไลน์เพื่อเข้าชมคอนเสิร์ตฟรี !!

 




โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ร่วมกิจกรรม "Big Cleaning Day" เฉลิมพระเกียรติในวันมหามงคล


โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ร่วมกิจกรรม "Big Cleaning Day" 

เฉลิมพระเกียรติในวันมหามงคล




    นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม Big Cleaning Day ล้างทำความสะอาดทางเท้าผิวจราจร ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ บริเวณถนนรัชดาภิเษก โดยมี ประเทืองวิทย์ ดีใจ ผู้อำนวยการเขตดินแดง สุโชติ โลหะทรัพย์สกุล ประธานคณะขับเคลื่อนฯ และ ขวัญเรือน เหลียวตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ โรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์ ร่วมในกิจกรรมด้วย เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม ณ บริเวณหน้าโรงแรม ดิ เอมเมอรัลด์  


วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ส.การค้ายาสูบไทย แฉขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนเปิดร้านส่งพัสดุเอกชนบังหน้า

ส.การค้ายาสูบไทย แฉขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนเปิดร้านส่งพัสดุเอกชนบังหน้า

รับออเดอร์ผ่านช่องทางออนไลน์กระจายทั่วประเทศตบตาเจ้าหน้าที่

      สมาคมการค้ายาสูบไทย จี้หน่วยงานภาครัฐยกระดับการปราบปรามขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนอย่างเด็ดขาด ย้ำต้องทำงานร่วมบริการขนส่งพัสดุทุกค่าย หลังพบผู้ขายเปิดร้านส่งพัสดุบังหน้า แต่หลังร้านแพคบุหรี่เถื่อนขายออนไลน์กระจายทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ซ้ำยังใช้รถกระบะและรถตู้เป็นโกดังเคลื่อนที่ตบตารัฐ เย้ยกฎหมาย โกยเงินจนร้านค้าถูกกฎหมายแทบไม่มีที่ยืน

    สืบเนื่องจากปฏิบัติการ "สิงห์สยบควัน" บุกทลายบุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า และสุราเถื่อน 7 จุดในเมืองหาดใหญ่ ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย ให้ข้อมูลว่า สมาคมฯ พบเทคนิคการกระทำผิดใหม่ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการเปลี่ยนโฉมเป็นร้านโชห่วย และไม่มีโกดังเก็บบุหรี่เถื่อนเป็นหลักแหล่ง เพราะง่ายต่อการตกเป็นเป้าของปราบปราม ยากต่อการหลบหนี แต่หันไปขายออนไลน์ ส่งสินค้าผ่านบริการขนส่งพัสดุที่เข้าถึงผู้ซื้อทั่วประเทศได้ในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจบุหรี่เถื่อนเติบโตอย่างก้าวกระโดด จนกินส่วนแบ่งถึง 1 ใน 4 ของทั้งอุตสาหกรรม คือ “การเก็บเงินปลายทาง” เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่สามารถสืบหาเส้นทางการเงินได้เมื่อร้านค้าถูกจับกุมและมีการสืบสวนสอบสวนต่อ

     นางสาวธัญญศรัณ กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบัน หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ในการจับกุมและปรามปรามผู้กระทำผิดค้าบุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า แต่ก็ไม่สามารถสืบสาวถึงต้นตอของการลักลอบนำเข้าได้เต็มประสิทธิภาพเพราะผู้กระทำผิดสรรหาวิธีการใหม่ ๆ มาลัดเลาะตามช่องว่างทางกฎหมายเสมอ หากจะปราบปรามบุหรี่เถื่อนให้สิ้นซาก หน่วยงานรัฐต้องได้รับความร่วมมือจากผู้ให้บริการขนส่งพัสดุทั้งรัฐและเอกชนทุกค่าย ในการออกมาตรการคัดกรองพัสดุ และระบุโทษหากพบเจอการส่งสินค้าผิดกฎหมาย นอกจากนี้ยังรวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ด้วย ที่เปิดให้ขายสินค้าเหล่านี้โดยไม่มีการคัดกรองก่อน”

      สมาคมการค้ายาสูบไทยให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ของร้านค้าบุหรี่ถูกกฎหมายว่า การเติบโตของบุหรี่เถื่อนและบุหรี่ไฟฟ้า มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เช่น ราคาขายปลีกที่สูงทำให้เกิดช่องว่างด้านราคา เปิดช่องให้ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหาสินค้าทดแทนที่ราคาถูกเข้าถึงง่าย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่มากขึ้น สะท้อนให้เห็นจากสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทยที่พุ่งสูงถึง 25.5% ในไตรมาสที่ 1 ปีพ.ศ. 2567 เป็นผลให้ยอดขายบุหรี่ของร้านค้าถูกกฎหมายกว่า 500,000 ร้านทั่วไทยตกประมาณ 15% - 30% ของรายได้รวมต่อวัน และยังมีขบวนการชักชวนให้เข้ามาขายบุหรี่เถื่อนโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายด้วย

“สมาคมฯ วอนหน่วยงานที่มีอำนาจบังคับใช้กฎหมายเช่น กรมสรรรพสามิต กรมศุลกากร ตำรวจ ปอท. กรมสอบสวนคดีพิเศษ และกระทรวงดิจิทัลฯ ยกระดับมาตรการควบคุมการขายออนไลน์กับการเข้มงวดกับผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในการขนส่งบุหรี่ผิดกฎหมาย และขยายผลสืบสวนไปยังผู้อยู่เบื้องหลังการค้าบุหรี่เถื่อนในทุกช่องทางที่เกิดขึ้นนี้ ทางสมาคมฯ จะรวบรวมเบาะแสจากร้านค้าในท้องถิ่นเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” 

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

กรมการขนส่งทางบก เปิดงาน “คมนาคมปลอดภัย ใต้ร่มพระบารมี” เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

กรมการขนส่งทางบก เปิดงาน “คมนาคมปลอดภัย ใต้ร่มพระบารมี” เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

พร้อมปลูกฝังเยาวชนเรียนรู้ความปลอดภัยทางถนน “DLT Kids on the Road” นำไปสู่การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างยั่งยืน


       นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “คมนาคมปลอดภัย ใต้ร่มพระบารมี” และกิจกรรมเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยทางถนน “DLT Kids on the Road” ภายใต้โครงการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ วันที่ 28 กรกฎาคม 2567 พร้อมร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคลและถวายราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และชมนิทรรศการเผยแพร่พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระอัจฉริยภาพในด้านการคมนาคมขนส่ง โดยมีนายสรพงษ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม กลุ่มภารกิจด้านการขนส่ง ผู้บริหารกระทรวงคมนาคมร่วมในพิธี และมีนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก พร้อมด้วยนางสิริรัตน์ วีรวิศาล นายบัญญัติ คันธา และนายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และผู้บริหารกรมการขนส่งทางบกให้การต้อนรับ พร้อมนำชมนิทรรศการ กิจกรรมต่างๆ ภายในงาน โดยมีนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา โรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ และโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร กระทรวงมหาดไทย รวมถึงเยาวชนจากบ้านราชวิถีในความดูแลของกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจนำบุตรหลานเข้าร่วมกิจกรรม ณ กรมการขนส่งทางบก เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2567


      นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ หรือ 72 พรรษา ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางบก ได้ดำเนินการโครงการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้แก่เด็กและเยาวชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงห่วงใย และปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้วยความทุ่มเทพระวรกายเพื่อปวงพสกนิกรชาวไทยตลอดมา อีกทั้งพระราชกรุณาที่ทรงห่วงใยในความปลอดภัยในการเดินทางของพสกนิกรไทย


รวมถึงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเด็กและเยาวชนไทย ซึ่งผู้เข้าชมงานโดยเฉพาะเยาวชนจะได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และน้อมนำไปปฏิบัติตามรอยเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในส่วนของกระทรวงคมนาคมตระหนักถึงความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสังคมไทยให้มีความปลอดภัยทางถนน โดยสนับสนุนให้กรมการขนส่งทางบก และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ดำเนินมาตรการและโครงการต่าง ๆ เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน และทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายในทุกมิติ ทั้งการยกระดับกระบวนการสร้างและพัฒนาผู้ขับรถที่มีคุณภาพออกสู่ท้องถนน การอบรมความรู้ความเข้าใจด้านกฎหมาย ทักษะการขับขี่ รวมทั้งจิตสำนึกในการขับขี่อย่างปลอดภัยและมีน้ำใจให้กับประชาชนชาวไทยในทุกช่วงอายุ อีกทั้งมุ่งวางรากฐานด้านจิตสำนึกความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนตั้งแต่ในกลุ่มเด็กและเยาวชน ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ดังนั้น การเสริมสร้างทักษะด้านความปลอดภัยและปลูกฝังวินัย การใช้รถใช้ถนนตั้งแต่ยังเป็นเด็กจะทำให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและมีวินัยจราจรในอนาคต นำไปสู่การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างยั่งยืน


      ด้าน นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกมีภารกิจในการควบคุม กำกับ ดูแลระบบการขนส่งทางถนนให้มีคุณภาพและความปลอดภัย การดำเนินมาตรการและโครงการต่าง ๆ จึงมุ่งเน้นถึงการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่สำคัญของชาติ เช่น โครงการนักเรียนรุ่นใหม่มีใบขับขี่ที่มุ่งเสริมสร้างและปลูกฝังจิตสำนึกการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยในกลุ่มเยาวชนให้มีความพร้อมในการขับขี่และปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย การรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงวันหยุดยาวที่มีการเดินทางของประชาชน และการปลูกฝังเรื่องความปลอดภัยทางถนนให้เป็นค่านิยมและวัฒนธรรมของคนไทยทุกคน ซึ่งในส่วนของกิจกรรมเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนแก่เด็กและเยาวชน ภายใต้โครงการเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้แก่เด็กและเยาวชน เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 6 รอบ เป็นการดำเนินโครงการและต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ช่วยบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและสังคมโดยรวม เป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์งต่อเยาวชนและครอบครัว มีส่วนช่วยหล่อหลอมให้เยาวชนมีความประพฤติที่ดีและมีวินัยในการขับขี่ ส่งผลให้เกิดความปลอดภัยต่อชีวิตของตนเองและผู้อื่น จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญในการปลูกฝังค่านิยมและวัฒนธรรมให้เด็กและเยาวชนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและมีวินัยจราจรในอนาคต โดยกรมการขนส่งทางบกและสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ จะดำเนินการจัดกิจกรรมเสริมสร้างทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนให้แก่เด็กและเยาวชน ตั้งแต่วันนี้ ถึงเดือนกันยายน 2567 เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสืบสานพระราชปณิธานพระราชกรุณาที่ทรงมีต่อเด็กและเยาวชน รวมถึงความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน


      กิจกรรมในวันนี้ เด็กและเยาวชนที่มาร่วมกิจกรรมจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะและประสบการณ์ด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย โดยมุ่งเน้นไปที่การเสริมทักษะการขับขี่รถจักรยานอย่างถูกต้องปลอดภัย โดยเด็กๆ เยาวชน รวมถึงผู้ปกครองที่เข้าร่วมงานจะได้รับความรู้เกี่ยวกับกฎจราจร การใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย น้ำใจและวินัยในการใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่น ซึ่งเป็นการสร้างจิตสำนึกแห่งความปลอดภัยตั้งแต่วัยเยาว์ ทำให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีวินัยและตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอยู่เสมอ โดยกรมการขนส่งทางบกได้เปิดตัวคาแรกเตอร์มาสคอตครอบครัวขับขี่ปลอดภัย หรือ DLT Rangers จำนวน 5 ตัว ได้แก่ สำนึกดี วินัยดี ห่วงใยดี น้ำใจดี และมารยาทดี เพื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสารและสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้แก่น้องๆ เยาวชน


        นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมฐานการเรียนรู้แบบ Active Learning จำนวน 7 ฐาน อาทิ ฐานการขี่จักรยานอย่างปลอดภัยในสนามจำลองและเรียนรู้เครื่องหมายจราจรพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัยที่เหมาะสมกับช่วงวัย ฐานการข้ามถนนบริเวณทางม้าลายด้วยหลักการ “หยุด-มอง-ฟัง-คิด” ฐานการเรียนรู้เกี่ยวกับการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะและรถรับส่งนักเรียน ฐานการเรียนรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดและช่วยเหลือตนเองในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการฝึกให้นักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองได้หากเกิดกรณีติดอยู่ในรถยนต์หรือรถรับส่งนักเรียน การปลูกฝังพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัย เช่น เข็มขัดนิรภัย ที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) และหมวกนิรภัย นอกจากนี้ ยังสนุกสนานกับกิจกรรมนันทนาการอื่นๆ ทั้งการระบายสี การแสดงมายากล บ้านบอล ป้อนอาหารสัตว์เลี้ยง (PET ZOO) การตอบคำถามชิงรางวัล เชื่อมั่นว่ากิจกรรมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการวางรากฐานด้านความปลอดภัยทางถนนให้กับเยาวชนต่อไปในอนาคต 



วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ชาวจังหวัดบุรีรัมย์เร่งเตรียมงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” มิวสิคัลเทิดพระเกียรติ สุดยิ่งใหญ่ ตระการตาแห่งปี

ชาวจังหวัดบุรีรัมย์เร่งเตรียมงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” 

มิวสิคัลเทิดพระเกียรติ สุดยิ่งใหญ่ ตระการตาแห่งปี 

พร้อมเปิดเมืองต้อนรับนทท.ทั่วโลกแล้ว

      จังหวัดบุรีรัมย์เผยความคืบหน้าและการดำเนินงานช่วงโค้งสุดท้าย การจัดงาน “ลมหายใจของแผ่นดิน” เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา  28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งงานจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ที่สนามฟุตบอลช้างอารีนา เปิดให้ชมฟรีตลอด 3 วัน ล่าสุดมีผู้สำรองที่นั่งผ่านช่องทางออนไลน์มากมาย จนเกือบเต็มทุกที่นั่ง เตรียมถ่ายทอดผ่านช่องอมรินทร์ทีวีสู่ผู้ชมทั่วประเทศและทั่วโลก

       นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ความพร้อมของการจัดงานลมหายใจของแผ่นดิน ใกล้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เป็นกิจกรรมที่เกิดจากความร่วมแรงร่วมใจกันของภาคประชาชน หน่วยงานภาครัฐและเอกชนอย่างแท้จริง โดยในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ จะเป็นการซ้อมใหญ่ของ นักดนตรีนักแสดง การประดับประดา ตกแต่งสถานที่ ทดสอบระบบไฟแสงสีเสียง และเช็คความพร้อมด้านต่างๆ เพื่อรองรับประชาชนที่ร่วมงาน ตลอด 3 วัน ซึ่งหลังเปิดจองที่นั่งผ่านช่องทางออนไลน์มีผู้สำรองที่นั่งเกือบเต็มความจุที่รองรับได้ โดยที่นั่งทั้ง 3 วันยังคงว่างอยู่ประมาณ 2,000 ที่นั่งเท่านั้น

“ลมหายใจของแผ่นดิน เป็นงานใหญ่อีกงานของจังหวัดบุรีรัมย์ในปีนี้ มีไฮไลต์สำคัญที่อยากเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกภูมิภาค มาร่วมชมการแสดง “มิวสิคัล เทิดพระเกียรติ ” ตระการตาด้วยภาพ 3D MAPPING  ฝีมือคนไทย ที่เคยสร้างผลงานในระดับนานาชาติ ได้รับรางวัลจากประเทศญี่ปุ่น โดยการแสดงจะผสานไปกับการบรรเลงโดยวงดนตรีออร์เคสตรา (Orchestra) วงใหญ่  เครื่องดนตรีกว่า 120 ชิ้น ผสมผสานเครื่องดนตรีสากลและเครื่องดนตรีพื้นบ้านอีสานใต้ นักแสดง-นักดนตรี ลูกหลานชาวจังหวัดบุรีรัมย์ กว่า 200 ชีวิต ดนตรีทั้งหมด เป็นการเรียบเรียงขึ้นมาใหม่ เพื่องานนี้ รวมถึงนำบทเพลงพระราชนิพนธ์มาบรรเลง โดยงานจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ”

“ตลอด 3 วัน เราจะได้เห็นการแสดง “มิวสิคัล” ที่เกิดจากคนเล็กๆที่มีหัวใจยิ่งใหญ่ ลูกหลานชาวจังหวัดบุรีรัมย์ที่ร่วมกันฝึกซ้อมเป็นแรมเดือน อย่างไม่ย่อท้อ เพื่อให้เป็นโชว์ที่ดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด ส่งผ่านเรื่องราวพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สร้างความผาสุกอย่างยั่งยืนแก่พสกนิกรชาวไทย เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย”

       นอกจากนี้ยังมีการแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาให้ชมอย่างจุใจตลอด 3 วัน และเพื่อเป็นของขวัญสำหรับแฟนกีฬาในฐานะเมือง Sport City ยังมีกิจกรรมเปิดตัวนักฟุตบอล สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ประจำฤดูกาล 2024/25 ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 พบกับทัพนักเตะดาวดังแบบฟูลทีม นอกจากนี้ยังมีนักบิดชื่อดังสายเลือดไทย ได้แก่ “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ จากทีมฮอนด้าและ “ตี” อนุภาพ ซามูล จากยามาฮ่า ตบเท้าเข้าร่วมงานในครั้งนี้อีกด้วย

      ภายในงานยังมีการบำเพ็ญสาธารณกุศลต่างๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้แก่ “บริจาคโลหิต” ส่งต่อลมหายใจให้กับผู้ป่วย จำนวน 720 ยูนิตต่อวัน รวม 7,200 ยูนิต โดยสามารถบริจาคภายในงาน หรือร่วมบริจาคได้ที่โรงพยาบาลจำนวน 10 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลบุรีรัมย์, นางรอง, ประโคนชัย, ละหานทราย, ลำปลายมาศ, สตึก, พุทไธสง, บ้านด่าน, หนองกี่ และหนองหงส์ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานสาธารณสุข จ.บุรีรัมย์ โทร. 044-611-562

     “โรงทานปันสุข” บริการอาหารขึ้นชื่อของดี-ของดัง จังหวัดบุรีรัมย์แก่ผู้ร่วมงานฟรี จัดโดยชาวจังหวัดบุรีรัมย์และร้านค้าชื่อดังต่างๆ สามารถร่วมทำบุญได้ที่บัญชี “บุรีรัมย์ปันสุข เฉลิมพระเกียรติในหลวง รัชกาลที่ 10” ธนาคารกรุงไทย เลขที่ 308-3-21900-8 

     นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียม “เหรียญที่ระลึก” เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จำนวน 80,000 เหรียญ มอบให้กับผู้ร่วมชมงานอีกด้วย 

     ผู้สนใจสำรองที่นั่ง เพื่อรับชมการแสดง ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ https://buriram.glide.page โดยผู้ที่ลงทะเบียนแล้ว สามารถมารับบัตรเข้าชมงานได้ตั้งแต่วันนี้ – 27 กรกฎาคม 2567 เวลา 10.00-20.00 น. บริเวณหน้า Mega Store สนามฟุตบอลช้างอารีนา 

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางแฟนเพจ BURIRAM UNITED หรือรับชมผ่านช่องอมรินทร์ทีวี 34HD ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 19.45 น.

#ลมหายใจของแผ่นดิน

#บุรีรัมย์

#บุรีรัมย์ยูไนเต็ด


ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 เวทีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรยุคใหม่ ขานรับนโยบาย รมว. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยใช้“ตลาดนำ”

ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 เวทีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรยุคใหม่

ขานรับนโยบาย รมว. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยใช้“ตลาดนำ”


          บริษัท ฟาร์มเอ็กซ์โป จำกัด ผนึกกำลังพันธมิตรทั้งภาครัฐ-เอกชนระดับประเทศ ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย สนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในภาคการเกษตร เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแก่เกษตรกรและ บุคลากรภาคการเกษตรของประเทศไทย ตลอดจนสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีแก่เกษตรกร ส่งเสริมการตลาดอุตสาหกรรมการเกษตร เตรียมจัดงาน ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) ภายใต้ธีม REVOLUTIONISING FARM BUSINESS มุ่งเน้นการสร้างวิสัยทัศน์ใหม่นำเกษตรกรสู่นักธุรกิจการเกษตร ยกระดับการพัฒนาภาคการเกษตรอย่างยั่งยืน สร้างโอกาสตลาดใหม่ให้ผู้เกี่ยวข้องในภาคเกษตรอุตสาหกรรมคนไทย นำเสนอเทคโนโลยีการเกษตรที่นำไปใช้งานได้จริง โดยมีโซนที่ตอบโจทย์ความสนใจของผู้เยี่ยมชมงานมากกว่า 14 โซน งานจะจัดขึ้นในวันที่ 3-6 ตุลาคม 2567 นี้


        คุณนรบดี ผดุงเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟาร์มเอ็กซ์โป จำกัด เปิดเผยว่า ภาคเกษตรนับว่าเป็นรากฐานสำคัญต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก มีส่วนสนับสนุนมูลค่าการส่งออกและ GDP ของประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่ง มีมูลค่าตลาดถึง 1.5 ล้านล้านบาท และจากข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตรในปี 2567 ขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 0.7 - 1.7 เมื่อเทียบกับปี 2566 โดยปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ภาคเกษตรในภาพรวมยังคงขยายตัวได้ อาทิ ความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพการผลิตและบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม การส่งเสริมการแปรรูปสินค้าเกษตร การยกระดับสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพมาตรฐาน โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ 3 เท่า” ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของการจัดงาน ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) ที่ต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรให้ความสำคัญในการผสานเทคโนโลยี สู่การยกระดับคุณภาพภาคการเกษตรไทย ทั้งนี้ เทคโนโลยีด้านการเกษตรนั้น มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องและก้าวหน้าเป็นอย่างมาก มีความหลากหลายในการนำเข้ามาพัฒนากระบวนการด้านการเกษตรให้มีผลผลิตเพิ่มขึ้น มีขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น พร้อมทั้งมีพัฒนาการอย่างมั่นคง และ ยั่งยืน  ฉะนั้น เกษตรกรไทยต้องมีการปรับตัว เปิดรับตลาดใหม่ๆ และเรียนรู้ที่จะนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด


      การจัดงานมหกรรมเกษตร ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานชั้นนำอันดับต้นๆของประเทศทางด้านเทคโนโลยีการเกษตร ถือว่ารวมสุดยอดวงการเกษตรไว้ในงานเดียว อาทิ กลุ่มอินเตอร์เนชั่นแนล ตัวแทนจากสถานทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งทางด้านเทคโนโลยีการเกษตรของโลก กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ  กรมการข้าว สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA (อาด้า) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (สศด.) หรือ depa (ดีป้า) สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กลุ่มด้านวิชาการความรู้และอคาเดมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยทางด้านการเกษตร อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  กลุ่มภาคเอกชน จากบริษัทชั้นนำของประเทศมากมาย บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เครือสหพัฒน์ เป็นต้น กลุ่มเกษตรกร เช่น เกษตรกรรุ่นใหม่ Young Smart Farmer  รวมถึงกลุ่มลาออกจากงานมาทำเกษตร ด้วยวิถีชีวิตหลังโควิดที่เปลี่ยนไป มีคนนับล้านๆ สนใจที่จะลาออกจากงานแล้วมาทำเกษตร คนที่ประสบปัญหาชีวิต เกษตรคือทางเลือกใหม่ คนกลุ่มนี้จะมาถ่ายทอดประสบการณ์ในการลงมือทำเกษตรจนประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มรวมสตาร์ของวงการเกษตร หลักสูตรวิทยาการเกษตรระดับสูง (วกส.) มูลนิธิเกษตราธิการ และ Agrithon by ARDA ที่เตรียม Pavilion นำนวัตกรรมด้านเกษตรและเทคโนโลยีมาแสดงโชว์ ซึ่งทั้งหมดนี้ ผู้ที่เข้าร่วมงานจะได้รับทั้ง ความรู้ด้านวิชาการ เทคโนโลยี ความรู้พื้นฐาน ความบันเทิง สร้างอาชีพ และแรงบันดาลใจ ซึ่งทั้งหมดนี้คือความร่วมมือที่เหล่าพันธมิตรมุ่งหวังและตั้งใจให้เกิดขึ้น และ Agrithon โซนเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยวที่ทันสมัย โดย CLP Engineering


      สำหรับไฮไลท์ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตร ที่จะนำมาโชว์ อาทิ รถกระบะท้ายเรียบที่กำลังได้รับความนิยมและเป็นขวัญใจของคนไทยอย่าง “โตโยต้า ไฮลักซ์ แชมป์” ซึ่งเป็นระกระบะสำหรับคนรุ่นใหม่แห่งยุค เพื่อผู้ประกอบการ “สมาร์ทฟาร์ม” (Smart Farm) เพื่อนำไปใช้งานจริง โดย ไฮลักซ์ แชมป์ ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการ ว่าสามารถตอบโจทย์ด้านการใช้งานและยังเป็นโซลูชั่นในการทำธุรกิจทางการเกษตรอย่างแท้จริง ที่เราได้นำมาจัดแสดงให้ท่านได้ชมภายในงานขอให้ยกตัวอย่างเทคโนโลยีของภาคเอกชน ที่เด่นๆ ที่นำมาโชว์ในงานจริง


       นอกจากนี้ ภายในงาน ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย คือ การแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันด้านการเกษตร อาทิ Farm to Table ตัวอย่างความสำเร็จ ผลงานวิจัยเพื่อการเกษตร การสัมมนาเชิงวิชาการในเรื่องที่น่าสนใจ Functional food เรื่องเกษตรที่เกี่ยวกับ ดิน น้ำ ปุ๋ย ผลไม้ เกษตรอินทรีย์ เกษตรแปลงเล็กอย่างยั่งยืน เป็นต้น  รวมถึงการเปิดให้ผู้เข้าได้หาความรู้ในด้านการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำทั้งนี้ หน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ และเอกชน จะเน้นแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในภาคการเกษตร ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง มีการจัดแบ่งโซนต่างๆ กว่า 14 โซน ทำให้เกษตรกรและผู้สนใจสามารถชม & ช้อป สินค้า บริการ และนวัตกรรม เทคโนโลยีเปิดตัวใหม่ได้อย่างหลากหลายโดยแบ่งเป็นโซนดังนี้ โซนเครื่องจักร เทคโนโลยี และ Sustainability โซนAgrithon นวัตกรรมการเกษตรผู้ชนะการแข่งขันจากรายการทาง GMM25 โซนเครื่องมือ เครื่องใช้ขนาดกลางและเล็ก โซนสินค้าเกษตร ผลผลิตแปรรูปส่งตรงจากฟาร์ม โซน 100 ฟาร์มสำเร็จ สร้างอาชีพ พบกับฟาร์ม ตั้งแต่ขนาดเล็ก กลางใหญ่ ทุกขนาด พร้อมความรู้ให้ผู้เข้าชมงานได้เลือกสร้างอาชีพได้ด้วยเงินเริ่มต้นหลักหมื่น กับพื้นที่ทำฟาร์มทุกขนาด โซนท่องเที่ยวฟาร์ม ท่องเที่ยววิถีเกษตรที่กำลังมาแรง ให้เลือกมากมาย โซนปศุสัตว์ พบกับฟาร์มสัตว์ เพื่อการบริโภค อุปกรณ์การเลี้ยง พบกับฟาร์มตัวจริง พร้อมให้คำแนะนำการทำปศุสัตว์จากกรมปศุสัตว์ โซนปุ๋ย ยา สารอารักขาพืช โซนอาหารอนาคต จากฟาร์มแห่งอนาคต โซนRice Fashion และ Art for Rice จากกรมการข้าว โซนวิทยาการการเกษตรระดับสูง สินค้าเกษตรจากบริษัทที่ผลิตโดยวิทยาการเกษตรระดับสูง โซนเครื่องจักรการเกษตร ผลิตในประเทศ  โซนฟาร์มคาเฟ่ อาหารจากฟาร์มของแท้ สด ส่งตรงจากฟาร์ม โซนฟาร์มสนุก พบตู้คีบสนุกสนานจากสินค้าเกษตรรางวัลมากมาย อาทิ ตู้คีบทุเรียน


       สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานงานใหญ่แห่งปี ฟาร์มเอ็กซ์โป 2024 (FARM EXPO 2024) งานเกษตรที่ยิ่งใหญ่ครบวงจรสัญชาติไทยครั้งแรก ถือเป็นมหกรรมเกษตรยุคใหม่ในร่มกลางกรุงที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ สามารถเข้าร่วมงานได้ตั้งแต่วันที่ 3-6 ตุลาคม 2567 ณ ฮอลล์ 98-99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) หรือสอบถามข้อมูลได้ที่ Facebook: FarmExpothailand LINE OA: @farmexpo หรือ WWW : www.farmexpo.co.th


แอลจี เปิดตัว ‘LG Subscribe’ พลิกโฉมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

แอลจี เปิดตัว ‘LG Subscribe’ พลิกโฉมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า  เป็นเจ้าของง่ายขึ้นด้วยบริการ Subscription       บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศ...