วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สธทญ." จัดอบรม เสริมความรู้ "ภาษามือ " ให้มัคคุเทศก์ญี่ปุ่น สมาชิก สธทญ.

"สธทญ." จัดอบรม เสริมความรู้ "ภาษามือ " 

ให้มัคคุเทศก์ญี่ปุ่น สมาชิก สธทญ.




       คณกุสุมา นงค์พรหมมา นายกสมาคมพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น (สธทญ.) หรือ ATJT ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของภาษามือ จึงได้จัดกิจกรรมเสริมความรู้ "อบรมภาษามือ" เพิ่มเติมความรู้ให้กับมัคคุเทศก์ญี่ปุ่น สมาชิก ATJT ในช่วงที่งานทัวร์ของมัคคุเทศก์ภาษาญี่ปุ่นเริ่มน้อยลง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากโรงเรียนเศรษฐเสถียร นำโดย นางปริณดา มหาเกตุ รองผู้อำนวยการวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ เป็นวิยากร พร้อมด้วยอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะหลายท่าน ได้แก่ น.ส.จินดา อุ่นศร, นายจิรฐา ผองสูงเนิน, น.ส.วิชชุดา แหล่งสนาม, นาง นิศานาถ วัลไพจิตร และ น.ส.พนิดา แสงหิรัญ ครูชำนาญการพิเศษ รวมทั้งนักเรียนผู้พิการทางการได้ยิน มาช่วยฝึกสอนให้ความรู้ในครั้งนี้ โดยได้รับเกียรติจาก นางวิชนี วุฒิพงศ์ ด้านมาตราฐานธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา มาร่วมอบรมด้วย ณ โรงเรียนเศรษฐเสถียร เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา





         นอกจากนี้เหล่าสมาชิก ATJT ยังได้อุดหนุนสินค้าระลึก อาทิ เสื้อพิมพ์ลาย เสื้อเพ้นท์สี กระเป๋าผ้า ที่ห้อยโทรศัพท์ สายคล้องคอ และอื่นๆ อีกมากมาย  ที่นักเรียนผู้พิการทางการได้ยินประดิษฐ์ขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนและช่วยเหลือโรงเรียนเศรษฐเสถียร





























 

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง เปลี่ยนชีวิตชุมชน สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง เปลี่ยนชีวิตชุมชน สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

     แม้ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 5 - 10 (ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา 13 พ.ค. 2568) แต่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะได้ประโยชน์จากฝนที่ตกมากขึ้นโดยเฉพาะชุมชนบนพื้นที่สูง ที่บริบทพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นแหล่งน้ำหลัก ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ชุมชนเหล่านี้มักเผชิญกับปัญหาฝนทิ้งช่วงและภัยแล้งซ้ำซาก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศหรือสภาวะโลกเดือด

      สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และกระจายน้ำให้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ไม่เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งสร้างระบบจัดการน้ำที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมไปถึงการฟื้นฟูดูแลรักษาป่ารอบๆ แหล่งน้ำ

       ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรกว่า 24,000 ราย ในพื้นที่สูง 458 แห่งทั่วประเทศ ได้รับประโยชน์โดยตรง เข้าถึงแหล่งน้ำที่พัฒนาแล้ว 930 แห่ง มีระบบกระจายน้ำ 412 กิโลเมตร ทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ไม่เพียงแค่มีน้ำใช้ตลอดปี แต่ยังสามารถเพิ่มรายได้กว่า 447 ล้านบาท ในปี 2567 จากผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผัก ไม้ผล หรือกาแฟคุณภาพสูง

       การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอยังช่วยให้เกษตรกรปรับตัวสู่ระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยแล้งและรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันเกษตรกรเริ่มหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแต่มูลค่าสูง โดยไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกหรือบุกรุกพื้นที่ป่าแต่อย่างใด ผลที่ตามมาอย่างเป็นรูปธรรม คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำได้รับการฟื้นฟูกลับคืนกว่า 526,000 ไร่ จากการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลและไม้เศรษฐกิจที่หลากหลายถึง 58 ชนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการจัดการของชุมชนในพื้นที่

        การจัดการแหล่งน้ำยังมีส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน จากการติดตามจุดความร้อนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง (ม.ค. - พ.ค. 2568) พบว่า จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรลดลงถึง 57.21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมากกว่า 68% ของกลุ่มบ้านที่เข้าร่วมโครงการไม่พบจุดความร้อนเลย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

        ในปีงบประมาณ 2568 สวพส. ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จโดยขยายโครงการไปยัง 49 ชุมชน ครอบคลุมอีก 127 แห่ง พร้อมระบบกระจายน้ำที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20 กิโลเมตร มีผู้ได้รับประโยชน์เพิ่มอีก 460 ราย ครอบคลุมพื้นที่เกษตรรวมกว่า 5,120 ไร่ และการดูแลป่าต้นน้ำอีก 13,000 ไร่

       นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กไม่ใช่แค่การรับมือภัยแล้ง แต่คือการสร้างโอกาสให้ชุมชนมีน้ำใช้ มีอาหาร มีรายได้ และมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น เป้าหมายของเราคือแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่สูงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังต้องพึ่งพาน้ำฝน ทั้งเพื่อการดำรงชีวิตและการเกษตร เมื่อชุมชนมีแหล่งน้ำเพียงพอ ก็สามารถพัฒนาระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและทุกภาคส่วน เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากชุมชน 


CP LAND ปักหมุด “กังสดาล” ส่ง SOū& (โซ–แอนด์) และ RI–NÉ (รี–เน่)

CP LAND ปักหมุด “กังสดาล”  ส่ง  SOū& (โซ–แอนด์) และ RI–NÉ (รี–เน่) 

ทำเลศักยภาพใกล้ ม.ขอนแก่น – ศูนย์แพทย์ฯ คอนโดฯ ใหม่ 

ตอบโจทย์ทั้งอยู่จริงและลงทุน

      บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย เดินหน้าปักหมุดโครงการคอนโดมิเนียมน้องใหม่ใจกลางเมืองขอนแก่น SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI–NÉ Khon Kaen (รี–เน่ ขอนแก่น) บนทำเลศักยภาพย่านกังสดาล ทำเลที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูงในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตที่สุดของทำเลที่อยู่อาศัยซึ่งมาพร้อมโอกาสการลงทุนที่มั่นคง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การแพทย์ การค้า และการบริการ ด้วยทำเลที่เชื่อมโยงความสะดวกสบาย ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่นและโรงพยาบาลศรีนครินทร์ 

       นาย ดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานธุรกิจที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ขอนแก่นถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟความเร็วสูง และสนามบินนานาชาติที่ขยายศักยภาพเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI–NÉ Khon Kaen (รี–เน่ ขอนแก่น) จึงได้รับการออกแบบให้เป็นทั้งศูนย์กลางการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบและโอกาสการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวโดยหลังจากเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ CP LAND สามารถปิดการขายเฟสแรกของทั้งสองโครงการ SOū& Khon Kaen และ RI–NÉ Khon Kaen ได้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยยอดขายรวมกว่า 650 ล้านบาท จำนวน 300 ยูนิต สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคอีสาน พร้อมเดินหน้าขยายสู่เฟสที่ 2 ต่อไป

       โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้ศูนย์กลางเศรษฐกิจและแหล่งไลฟ์สไตล์ ของขอนแก่น รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญ อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ สนามบินขอนแก่น และ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง ที่กำลังพัฒนา นอกจากนี้ ขอนแก่นยังเตรียมเปิดตัว ศูนย์การแพทย์ระดับสากล ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาล และเพิ่มศักยภาพให้เมืองกลายเป็น Medical Hub แห่งใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงการ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI–NÉ Khon Kaen (รี–เน่ ขอนแก่น เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งผู้อยู่อาศัยและนักลงทุนที่มองหาโอกาสในทำเลที่มีอนาคต พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติ

        นาย นิธิศ สุดเกษม ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มงานธุรกิจที่อยู่อาศัย กล่าวต่อว่า โครงการที่อยู่อาศัยทั้งสองแห่งในจังหวัดขอนแก่น ถูกออกแบบด้วยแนวคิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับดีไซน์และฟังก์ชันที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) คือโครงการที่สะท้อนตัวตนของ young affluent หรือ คนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยม ทันสมัย และใส่ใจในคุณภาพชีวิต ผ่านดีไซน์ที่สนุกสนาน แฝงความโมเดิร์น พร้อมรายละเอียดการออกแบบที่คิดมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน หรือบรรยากาศของโครงการที่มอบความเป็นส่วนตัวและสไตล์ที่แตกต่างอย่างมีรสนิยม ขณะที่ RI-NÉ Khon Kaen (รี-เน่ ขอนแก่น) เน้นเจาะกลุ่มตลาดระดับพรีเมียม ด้วยการออกแบบที่เรียบหรูและร่วมสมัยในทุกรายละเอียด ตั้งแต่วัสดุคุณภาพสูง ไปจนถึงการจัดวางพื้นที่ที่ตอบสนองการอยู่อาศัยในระดับสูงสุด โดยเราให้ความสำคัญกับทุกมิติของการออกแบบ เพื่อให้โครงการนี้ตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการความสงบ ความสะดวกสบาย และความหรูหราในชีวิตประจำวัน และ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด CP LAND มุ่งมั่นให้บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Welcome Home Club by CP LAND พร้อมรับประกันนานถึง 10 ปี* เพื่อให้ลูกค้าของเรามั่นใจในคุณภาพและความคุ้มค่าในการลงทุนครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของ CP LAND ที่มุ่งมั่นส่งมอบสินค้าและบริการที่มี คุณภาพเพื่อทุกชีวิต

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง โทร: 02-088-0999

เว็บไซต์: www.cplandproperty.com

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนเเปลงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

เกี่ยวกับโครงการ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI-NÉ Khon Kaen (รี-เน่ ขอนแก่น)

         SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) คอนโดมิเนียม Low–Rise 8 ชั้น จำนวน 337 ยูนิต สำหรับคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Play Unbound, Live Inspired” สนุกอย่างไร้ขีดจำกัด สู่แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ผสานความโมเดิร์นและไลฟ์สไตล์ที่อิสระ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลา อาทิ Co-Working Space, Lobby Lounge, ที่นั่งพักผ่อน Semi-outdoor, Swimming Pool, Gym, Garden, Sky Garden, EV Charger, Retail Space และ พื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งการเรียน การเล่น และการพักผ่อน เริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท*

          RI-NÉ Khon Kaen (รี-เน่ ขอนแก่น) คอนโดมิเนียม High–Rise 31 ชั้น จำนวน 767 ยูนิต ในระดับ Luxury ภายใต้คอนเซปต์ “Craft Your Finest Life” ความเรียบง่ายที่สมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูและแนวคิดที่สะท้อนความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย เน้นความสงบและผ่อนคลาย แต่ยังคงมอบความสะดวกสบายเหนือระดับ มาพร้อม Double Sky Facility ส่วนกลางลอยฟ้า 2 ชั้น และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ Sunset Lounge ที่มาพร้อมวิวเมืองแบบพาโนรามา, Swimming Pool (Olympic Size ยาวถึง 51 เมตร), Fitness, Wellness Room, Sauna, Gameroom, Twilight Terrace, BBQ Yard, Party Zone, Sunset Garden, Grand Garden, Kids Yard, Business Club, Lobby Lounge, EV Charger ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ต้องการพื้นที่พักผ่อนที่เหนือกว่าที่อยู่อาศัย เริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท*

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.cplandproperty.com/project_category/condominium/

#CPLAND #ซีพีแลนด์ #CPLANDคุณภาพทุกชีวิต #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #AccessibleCommunitiesforLife #CPLANDProperty #SOū& #RI-NÉ #โซแอนด์ #รีเน่ #CPLAND10YearsWarranty #คอนโดใหม่ใจกลางขอนแก่น #คอนโดขอนแก่น #คอนโดย่านกังสดาล #ซีพีแลนด์รับประกัน10ปี 



วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568

กระทรวงกลาโหมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "กลาโหมร่วมใจ เดิน - วิ่ง ด้วยหัวใจที่เทิดทูน" (Defence Run 2025 Let Your Heart Run)

กระทรวงกลาโหมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "กลาโหมร่วมใจ เดิน - วิ่ง ด้วยหัวใจที่เทิดทูน" (Defence Run 2025 Let Your Heart Run)



      กระทรวงกลาโหมเดินหน้าสานต่อภารกิจสร้างสังคมเข้มแข็งผ่านการส่งเสริมสุขภาพและความสามัคคีของคนไทย กำหนดจัดงาน "กลาโหมร่วมใจ เดิน - วิ่ง ด้วยหัวใจที่เทิดทูน" ครั้งที่ ๒ ประจำปี ๒๕๖๘ (Defence Run 2025 Let Your Heart) ชวนคนไทยหัวใจแกร่งมารวมพลังรักชาติ รักสุขภาพอีกครั้ง บนเส้นทางประวัติศาสตร์ ในวันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ถนนสนามไชย



      นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พลเอก อดินันท์ ไชยฤกษ์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมแถลงข่าวการจัดกิจกรรม "กลาโหมร่วมใจ เดิน - วิ่ง ด้วยหัวใจที่เทิดทูน" ครั้งที่ ๒ ประจำปี ๒๕๖๘ (Defence Run 2025 Let Your Heart Run)  โดยมี ผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมทั้งสื่อมวลชนร่วมแถลงข่าว ณ ห้องพินิตประชานาถ ศาลาว่าการกลาโหม เมื่อวันอังคารที่ ๒๔ มีถุนายน ๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา



       การจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด "กีฬาสร้างคน คนสร้างชาติ" ตามแนวทางพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยเปิดรับสมัครนักวิ่งทั้งมือใหม่และมือโปรจากทุกภูมิภาค รวมถึงข้าราชการและครอบครัวในสังกัดกระทรวงกลาโหม หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกขน และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมพิชิตเส้นทางเกียรติยศกลางกรุงอย่างภาคภูมิ โดยตั้งเป้ามีผู้ร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ คน



       สำหรับการจัดกิจกรรม "กลาโหมร่วมใจ เดิน - วิ่ง ด้วยหัวใจที่เทิดทูน" ประจำปี ๒๕๖๘ (Defence Run 2025 Let Your Heart Run) กำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๘ ระหว่างเวลา ๐.๓๐ - ๐๘.๐๐ นาฬิกา โดยเริ่มต้นจากบริเวณด้านหน้าศาลาว่าการกลาโหม มุ่งหน้าเข้าถนนราชดำเนินในผ่านศาลฎีกา ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลา ตรงไปถนนราชดำเนินกลาง ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ตรงเข้าสู่ถนราชดำเนินนอก จนถึงแยก จปร. เลี้ยวซ้าย ขึ้นสะพานพระราม ๘ ยกระดับบรมราชชนนี วิ่งกลับเส้นทางเดิม เข้าเส้นชัย และคืนพื้นผิวการจราจร (เส้นทางวิ่ง) ภายในเวลาประมาณ ๐๗.๐๐ นาฬิกา โดยมีข้าราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหมและครอบครัว หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป มาร่วมแสดงออกถึงพลังความสามัคดีด้วยหัวใจที่เทิดทูน ที่สำคัญยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอีกด้วย



        การแข่งขันครั้งนี้เปิดรับนักวิ่ง ๔ ประเภท ได้แก่ ไมโครมาราธอน (๓ กม.), มินิมาราธอน (๑๐ กม.), ฮาล์ฟมาราธอน (๒๑ กม.) และประเภท VIP สำหรับผู้ที่ต้องการความพิเศษ โดยค่าสมัครเริ่มต้นเพียง ๖๐๐ บาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะถูกนำไปสมทบทบทุนมูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์ รวมถึงสนับสนุนกิจกรรมเพื่อชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงกระทรวงกลาโหม

       ทั้งนี้ ความพิเศษของกิจกรรมปีนี้ เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๘ กับการรับเสื้อและหมายเลขวิ่ง ณ ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนจะปลดปล่อยพลังกันเต็มที่ในเช้าวันอาทิตย์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ โดยจะปล่อยตัวนักวิ่งฮาล์ฟมาราธอน (๒๑ กม.) ในเวลา ๐๓.๓๐ น. ต่อด้วยกิจกรรมวอร์มร่างกายสุดคึกคักบนเวทีกลาง เวลา ๐๔.๐๐ น. และพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเวลา ๐๔.๑๕ น. จากนั้นระยะมินิมาราธอน (๑๐ กม.) จะปล่อยตัวในเวลา ๐๔.๓๐ น. ตามด้วยไมโครมาราธอน (๓ กม.) เวลา ๐๔.๕๙ น. โดยมีกำหนด Cut-off ๐๔.๔๕ น. สำหรับระยะ ๒๑ กม. ที่กิโลเมตรที่ ๑๐.๕ กม. และ Cut-off ทุกระยะที่หน้าเส้นชัย ไม่เกิน ๐๗.๐๐ น. ไฮไลต์ยังไม่หมด เพราะจะมีพิธีมอบรางวัลในเวลา ๐๖.๓๐ น. ก่อนปิดท้ายอย่างภาคภูมิด้วยการร่วมร้องเพลงชาติและเชิดชูธงไตรรงค์ในเวลา ๐๘.๐๐ น.

        ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ ทางเว็บไซต์ www.gotorace.com ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ ๓๑ กรกฏาคม ๒๕๖๘ หรือจนกว่าจะครบจำนวนผู้สมัครที่กำหนดไว้ และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: Defence Run 2025 : Let Your Heart Run

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม ร่วมกับ สธทท. และชมรม Harley-Davidson จัดคาราวานท่องเที่ยวกิจกรรม “5 Must สองสมุทร”

ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม ร่วมกับ สธทท. และชมรม Harley-Davidson 

จัดคาราวานท่องเที่ยวกิจกรรม “5 Must สองสมุทร” 

เที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม




      การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม ร่วมกับ ชมรม Harley-Davidson สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) บริษัท Wanderlust Tour & Travel Consulting จำกัด สมาคมส่งเสริมและพัฒนาการศึกษาจังหวัดสมุทรสาคร (ศาลเจ้าพระหยกขาว) ทีม Harley-Davidson กรุงเทพฯ จังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม  พร้อมพันธมิตร ร่วมกันจัดคาราวานนักท่องเที่ยวกลุ่ม Harley-Davidson จำนวน 50 คน ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพสูง เดินทางท่องเที่ยวภายใต้ชื่อ “5 Must สองสมุทร” ณ จังหวัดสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม เมื่อวันที่ 21-22 มิถุนายน 2568 เพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในสองจังหวัด นัดรวมตัว ณ ปั้ม ปตท. บริษัท โชคมหาชัย จำกัด จังหวัดสมุทรสาคร โดยมี นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานปล่อยคาราวานรถมอเตอร์ไซด์ Big Bike Harley-Davidson พร้อมด้วย นายชัยวิทย์ เผื่อนอุดม ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม ดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) ดร.แสงชัย โสตถีวรกุล นายกสมาคมส่งเสริมและพัฒนาการศึกษา จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมปล่อยขบวนคาราวาน ณ ศาลเจ้าพระหยกขาว จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568


      จากนั้น นายนริศ  นิรามัยวงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ขับรถ Harley-Davidson นำคาราวานนักท่องเที่ยวกลุ่ม Harley-Davidson ไปยัง "ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร" และกล่าวต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Harley-Davidson แล้วร่วมกันทำกิจกรรม CSR ปล่อยลูกปูม้า 1,040 ตัว และลูกกุ้งกุลาดำ 16,000 ตัว คืนสู่ธรรมชาติป่าชายเลน ก่อนที่จะเข้าชมสัตว์น้ำภายในอควาเรี่ยม ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร


       ชมความสวยงามของสัตว์น้ำอย่างเพลิดเพลินแล้ว คณะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Harley-Davidson ก็เดินทางต่อไปที่ "ศาลเจ้าพระหยกขาว" จังหวัดสมุทรสาคร เยี่ยมชมความสวยงามของศาลเจ้ารูปแบบสถาปัตยกรรมจีนที่วิจิตรบรรจง โดดเด่นด้วยซุ้มประตูทางเข้าแบบจีน ประดิษฐานสิงโตหยกขาว 1 คู่ เป็นสัญสัญลักษณ์ของการปกป้องคุ้มครอง ด้านหน้าวิหารตั้งกระถางธูปหยกขาว และมีลานพิธีกรรมพร้อมเสาเทพยดาฟ้าดิน (ที่ตื่แป้บ้อ) ศาลาทึกง และเตาเผากระดาษตามธรรมเนียมจีนตั้งเดิม เมื่อมาที่นี่แล้วก็ไม่พลาดที่สักการะไหว้องค์พระโพริสัตว์เจ้าแม่กวนอิมพันมือหยกขาว แกะสลักจากหยกขาว ขนาดความสูง 3.2 เมตร นับเป็นองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายในวิหารพระโพธิสัตว์กวนอิม ยังมีองค์เทพเจ้าอื่นๆ ให้สักการะได้แก่ พระสังกัจจายน์หยกขาว ที่ประดิษฐานอยู่บนแท่นบูชาด้านหน้าพระโพธิสัตว์กวนอิน, เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะหยกขาว เทพเจ้าแห่งโชคลาภ และ เทพเจ้าบ่งเชียง เทพเจ้าแห่งการศึกษา ที่ประดิษฐานภายในตู้ไม้สักแกะสลักและปิดทองคำอย่างวิจิตรตามขนบจีนดั้งเดิม



ส่วนวิหารไต้ฮงกงโจวซือ ก็เป็นที่ประดิษฐานองค์ไต้ฮงกงโจวซือหยกขาว ที่แกะสลักจากหยกขาวหนักถึง 50 ตัน สูง 4.2 เมตร ถือเป็นองค์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายในวิหารยังมีการประดิษฐานเทพเจ้าตี่จังง้วงหยกขาว, พระโพธิสัตว์กวนอิมหยกขาวปางโฉลมน้ำทิพย์ และเทพเจ้าจีนอีก 5 องค์ ซึ่งประดิษฐานเรียงรายตามธรรมเนียม


      กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรดั่งที่ตั้งใจหวัง ก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันที่ "ภัตตาคารท่าเรือ" หลังอิ่มหนำสำราญเบิกบานใจก็เดินางไปกราบสักการะ "ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร" แล้วไปกันต่อที่ "บ้านท่าฉลอม" จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อท่องเที่ยวชุมชนยลวิถี ละลานตากับสตรีทอาร์ท เดินชมวิถีชีวิตชาวบ้าน ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น จากนั้นเปลี่ยนบรรยากาศสโลว์ไลฟ์ นั่งรถสามล้อถีบและรถราง สร้างความฮือฮา เดินทางท่องเที่ยวชุมชนบ้านท่าฉลอม เยี่ยมชมบ้านเรือน วิถีชีวิตของชาวชุมชนกันอย่างถึงแก่น


      แล้วก็ได้เวลาอำลาจังหวัดสมุทรสาคร เดินทางไปจังหวัดสมุทรสงคราม เข้า Check in ณ โรงแรม The Grace อัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พักผ่อนเปลี่ยนอริยาบทกันพอสมควร  คณะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Harley-Davidson ก็เดินทางไปยัง "อุทยาน ร. 2" จังหวัดสมุทรสงคราม ชมเรือนไทยที่สวยงามที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น นักท่องเที่ยวบางคนก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดไทย ถ่ายรูปกับรถ Big Bike และเรือนไทย ณ อุทยาน ร. 2  เช็คอินป็นที่ระลึก และร่วมรับประทานอาหารเย็นสำรับชาววัง Grand Mornent สัมผัสวิถีชีวิตชาววังต้นรัตนโกสินทร์ ตื่นตาตื่นใจกับการชมการแสดงโขนจากยุวศิลปิน ภายใต้ผู้ฝึกสอนจากกรมศิลปากร สนุกสนานเพลิดเพลินเจริญใจแล้ว ก็เดืนทางกลับทึ่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัยในบรรยากาศริมน้ำ เป็นการปิดทริปท่องเที่ยวที่สนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้สาระ และมีประโยชน์



    นายนริศ  นิรามัยวงศ์  ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า จังหวัดสมุทรสาคร มีความยินดีต้อนรับคณะนักท่องเที่ยวกลุ่ม Harley-Davidson ซึ่งถือเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง เดินทางท่องเที่ยวพร้อมใช้จ่ายเป็นอย่างมาก ด้วยการขับขี่รถ Harley-Davidson ที่เป็นเอกลักษณ์ มีสไตล์โดดเด่น สามารถขับขี่ได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ได้เน้นความเร็วสูง ทำให้เหมาะสมสำหรับการเดินทางขับขี่ท่องเที่ยวในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี



จังหวัดสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ สามารถเดินทางมาเที่ยวได้อย่างสะดวก มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย มีศาลเจ้าหลายแห่งที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะ รวมถึงศาลเจ้าเปิดใหม่ เช่น   ศาลเจ้าพระหยกขาว มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และมีพระโพธิสัตว์กวนอิม และไต้ฮงกงโจวซือ ที่ทำจากหยกขาวทั้งองค์มีความงดงามอย่างยิ่ง รวมทั้งศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาครที่ศักดิ์สิทธิ์และอยู่คู่กับชาวสมุทรสาครมายาวนาน การทำกิจกรรม CSR ปล่อยลูกปู ลูกกุ้งให้ออกสู่ธรรมชาติที่ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร รวมถึงการเดินทางท่องเที่ยวชุมชนยลวิถี บ้านท่าฉลอม ก็ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวชุมชนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสมุทรสาคร นอกจากนั้นยังมีแหล่งท่องเที่ยวในสมุทรสาครอีกมากมาย อีกทั้งยังมีร้านอาหาร และวัตถุดิบที่สดใหม่ ที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่าน




    ด้าน ดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์  นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) กล่าวว่า  สมาคมฯและสมาชิกสมาคมฯ โดย บริษัท Wanderlust Tour & Travel Consulting จำกัด  ได้ร่วมกับภาคีเครือข่าย พันธมิตร หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ชมรม และสมาคม ในพื้นที่เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสองสมุทร  เปิดเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากจากนี้ ยังขยายกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้รักการขับขี่รถ Big Bike และ Harley -Davidson ที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ มาเที่ยวในพื้นที่ภาคกลาง "สุขทันที..ที่เที่ยวสมุทรสาคร และสมุทรสงคราม" ถือเป็นอีกเส้นทางที่นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ สามารถ มาเที่ยวกระจายรายได้เข้าถึงชุมชนได้อย่างดียิ่ง



      ส่วน นายชัยวิทย์  เผื่อนอุดม ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสมุทรสงคราม กล่าวว่า ททท. มีหน้าที่ในการส่งเสริมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มศักยภาพจากประสบการณ์ท่องเที่ยวภายใต้เส้นทางท่องเที่ยวสองสมุทร (สมุทรสาคร สมุทรสงคราม) เพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาท่องเที่ยวนานขึ้นด้วยการนำเสนอเรื่องราวและกิจกรรมท่องเที่ยวที่ให้ประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าและเกิดความสุขง่ายๆ ในการเดินทางใกล้ๆ ไปยังนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งทั้งจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสมุทรสงคราม ก็เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยว สินค้า บริการ ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ สวนผลไม้ ที่สามารถให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ตัดสินใจง่าย ตามแคมเปญของ ททท. คือ เที่ยวกลาง เที่ยวใกล้ เที่ยวได้เลย 

5 Must จังหวัดสมุทรสาคร

- Must Seek ศาลเจ้าพระหยกขาว. Aquarium ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำสมุทรสาคร

- Must taste อาหารทะเลอร่อยที่ภัตาาตารท่าเรือ

- Must Buy อาหารทะเลแปรรูปที่ท่าฉลอม

- Must Try ประสบการณ์นั่งรถสามล้อถีบ ที่บ้านท่าฉลอม

- Must see การไหว้พระ ไหว้เจ้า ที่ศาลเจ้าพระหยกขาว ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสมุทรสาคร

5 Must จังหวัดสมุทรสงคราม

- Must Seek เรือนไทย อุทยาน ร.2. วัดบางกุ้ง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อคง 

- Must taste สำรับอาหารชาววัง Grand moment อุทยาน ร.2

- Must Buy ส้มโอขาวใหญ่อัมพวา

- Must Try แต่งกายชุดไทยกับรถ Harley ที่อุทยาน ร.2

- Must see งานลอยกระทงกาบกล้วย สมุทรสงคราม 

#สธททพาเที่ยว

#ผู้หญิงขี่ฮาเล่ย์

#HarleyDavidsonBangkok #HarleyRama9 #PowerStation

#roserider #cc77




สธทญ." จัดอบรม เสริมความรู้ "ภาษามือ " ให้มัคคุเทศก์ญี่ปุ่น สมาชิก สธทญ.

"สธทญ." จัดอบรม เสริมความรู้ "ภาษามือ "  ให้มัคคุเทศก์ญี่ปุ่น สมาชิก สธทญ.        คณกุสุมา นงค์พรหมมา นายกสมาคมพัฒนาธุรก...