วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567

การรถไฟฯ จับมือ ททท. ผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตร เปิดตัวกิจกรรม “สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม”

การรถไฟฯ จับมือ ททท. ผนึกกำลังหน่วยงานพันธมิตร เปิดตัวกิจกรรม “สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม” 

นำร่อง 6 เส้นทางท่องเที่ยวรถไฟ เดือนมหามงคลกรกฎาคม - สิงหาคม 2567

       การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ผนึกความร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชน ได้แก่ บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวเปิดตัวกิจกรรม “สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม” โดยมีนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานร่วมกันในการเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยนางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารกระทรวงคมนาคม การรถไฟแห่งประเทศไทย และ ททท.  ให้เกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดตัว ชวนเปิดประสบการณ์ท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ทางรถไฟ 6 เส้นทาง “สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม” ณ สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567

        นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศวิสัยทัศน์ Thailand Vision ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “IGNITE THAILAND” เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น Tourism Hub ที่สำคัญของโลก พร้อมกับส่งเสริมการท่องเที่ยว “เมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว” โดยเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวจากเมืองหลักสู่เมืองใกล้เคียง ผ่านระบบขนส่งสาธารณะของประเทศ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น และเป็นการสร้างความสะดวกสบายแก่นักท่องเที่ยวให้เดินทางท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี

        ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว และร่วมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยก้าวสู่ Tourism Hub ที่สำคัญของโลกอย่างเป็นรูปธรรม โดยล่าสุดในวันนี้ กระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และภาคีพันธมิตรภาคีเอกชน ได้แก่ บริษัทบุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดตัวกิจกรรมท่องเที่ยวทางรถไฟ “สุขทันทีที่เที่ยวกับรถไฟไทย เดินทางครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม” เพื่อส่งมอบประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ผ่านการเดินทางโดยรถไฟ ที่มีความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2567 จำนวน 6 เส้นทาง ประกอบด้วย

เดือนกรกฎาคม 2567 กิจกรรมโดยรถไฟ KIHA 183 จำนวน 4 เส้นทาง พร้อมแพ็กเกจท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ราคา 3,999 บาท ต่อท่าน ได้แก่ 

- เส้นทางที่ 1 กรุงเทพ - ราชบุรี (ภาคกลาง) ในวันที่ 6 – 7 กรกฎาคม 2567 

- เส้นทางที่ 2 กรุงเทพ -สวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (ภาคกลาง) ในวันที่ 13 – 14 กรกฎาคม 2567 

- เส้นทางที่ 3 กรุงเทพ - สุพรรณบุรี (ภาคกลาง) ในวันที่ 20 – 21 กรกฎาคม 2567 

- เส้นทางที่ 4 กรุงเทพ - ปราจีนบุรี (ภาคตะวันออก) ในวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2567  

เดือนสิงหาคม กิจกรรม “สิงหาแม่พาเที่ยว” 2 เส้นทางรถไฟ ในรูปแบบ One Day Trip ได้แก่ 

- เส้นทางที่ 1 แม่พาลูกเที่ยว ชวนนั่งรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ กรุงเทพ - ฉะเชิงเทรา (ภาคตะวันออก) ในวันที่ 12 สิงหาคม 2567 ราคา 799 และ 329 บาทต่อท่าน 

- เส้นทางที่ 2 Royal Blossom รถไฟสายแห่งความสุข กรุงเทพ - กาญจนบุรี ซึ่งเป็นการเปิดให้บริการขบวนรถท่องเที่ยว SRT Royal Blossom เป็นครั้งแรก ในวันที่ 17 สิงหาคม 2567 ราคา 1,799 บาทต่อท่าน

            พร้อมกิจกรรมสุดพิเศษของเดือนสิงหาคม กิจกรรม “สิงหาแม่พาเที่ยว” เฉพาะคุณแม่รับบัตรกำนัล มูลค่าเท่ากับราคาตั๋วโดยสารฟรี 1 สิทธิ์ต่อ 1 ครอบครัว เพียงแสดงบัตรประชาชนของคู่คุณแม่คุณลูก และสำเนาทะเบียนบ้าน (สามารถรับบัตรกำนัลได้ในวันเดินทาง)

          นอกจากนี้ ตลอดการเดินทาง ยังได้รับการสนับสนุนจาก บริษัท บุญรอด เทรดดิ้ง จำกัด สนับสนุนน้ำดื่มทุกทริป และมอบบัตรกำนัลฟรี สำหรับคุณแม่ในกิจกรรมสิงหาแม่พาเที่ยว บริษัท เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มอบเจลอาบน้ำเดทตอลให้กับนักท่องเที่ยวทุกท่าน พร้อมผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคของเดทตอล สำหรับใช้ทำความสะอาดบนขบวนรถไฟนำเที่ยวทุกขบวน ในส่วนของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) มอบกรมธรรม์ดูแลค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ 50,000 บาท รวมถึงค่ารักษาพยาบาลจากอาหารเป็นพิษให้กับนักท่องเที่ยวทุกท่านอีกด้วย 

         นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ร่วมสนับสนุนนำมัคคุเทศก์มืออาชีพ ช่วยบรรยายความรู้และข้อมูลต่าง ๆ พร้อมจัดกิจกรรมสุดพิเศษเพื่อเพิ่มบรรยากาศแห่งความสุขบนขบวนรถไฟ ตลอดเดือนกรกฎาคม อาทิ เส้นทางราชบุรี พบกับคุณเจ ชลัช นายแบบมากฝีมือที่จะมาร่วมเดิน Fashion Show ผ้าขาวม้าของดีประจำเมืองราชบุรีครั้งแรกบนรถไฟ เส้นทางสวนสนประดิพัทธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบกับอาจารย์อัส มนต์คเนศวร์ สิริปภัสสร ที่จะมาบรรเลงบทเพลงพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าด้วย Saxophone ครั้งแรกบนรถไฟ เส้นทางสุพรรณบุรี ที่จะพาทุกท่านร่วมย้อนวันวานกับ “น้าโย่ง” ที่จะมาขับร้องเพลงฉ่อยเรื่องราวการกำเนิดเมืองอู่ทองที่สอดแทรกความเป็นไทย ให้ทุกท่านได้ร่วมสนุกและเพลิดเพลิน และเส้นทางปราจีนบุรี พบกับเคล็ดลับการสักการะท้าวเวสสุวัณ จากซินแสเป็นหนึ่ง วงษ์ภูดร ที่จะพาทุกท่านร่วมมูเตลูกันแบบจัดเต็ม

        นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงคมนาคม และการรถไฟฯ คาดหวังว่าจากความร่วมมือในกิจกรรมครั้งนี้ จะช่วยเปิดมิติใหม่ในการเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟ พร้อมกับช่วยสนับสนุนนโยบายรัฐบาล ให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศได้ตลอดทั้งปี นำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น และทำให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศเติบโตเข้มแข็งมั่นคงต่อไป 

          สำหรับ ผู้ที่สนใจจองโปรแกรมท่องเที่ยวทั้ง 6 เส้นทาง สามารถซื้อตั๋วได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2567 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป ที่สถานีรถไฟทั่วประเทศหรือผ่านระบบออนไลน์ D-ticket ของการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย 1690

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2567

สทท. จัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 โดยมี รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ผู้ว่าการ ททท. ร่วมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "เดินหน้าท่องเที่ยวไทย"

สทท. จัด ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567  โดยมี รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย ผู้ว่าการ ททท. ร่วมปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "เดินหน้าท่องเที่ยวไทย" 



       นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 แถลงนโยบาย สทท. ประจำปี 2567 และแถลงข่าว "ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยและอัพเดตสถานการณ์ทองเที่ยว" ไตรมาส 2/2567  พร้อมฟังการบรรยายปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ "เดินหน้าท่องเที่ยวไทย" จากนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยมี นายจีรวัฒน์ ลีนะกนิษฐ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดร.เพ็ญพิสุทธ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายวิทวัส เมฆสุต นายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) นายวัสน์พล อรรถพรธนเสฐ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย คณะกรรมการบริหาร และสมาชิก สทท. ทั่วประเทศ ร่วมรับฟัง ณ ห้องอัศวิน แกรนด์ เอ โรงแรมอัศวินแกรนด์ คอนเวนชั่น เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน 2567



        สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เชื่อมั่นรายได้ท่องเที่ยว 35 ล้านล้านบาทเป็นไปได้ เสนอตั้ง Team Thailand ปั้นการตลาดแบบมุ่งเป้า สร้างสมดุล Demand-Supply กระจายรายได้จากเมืองหลักสู่เมืองน่าเที่ยว




        การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไตรมาส 2/2567 อยู่ที่ระดับ 79 ลดลงจากไตรมาส 1/2567 ที่ระดับ 81 สะท้อนสถานการณ์ท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติมาก ส่วนไตรมาสหน้า 3/2567 อยู่ที่ระดับ 75 ลดลงจากไตรมาสนี้แต่ดีกว่าปีที่ผ่านมา




       ไตรมาสนี้ ธุรกิจบริการขนส่งผู้โดยสาร บริษัทนำเที่ยว ธุรกิจสปา สถานบันเทิง และแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ประเมินรายได้ไตรมาสนี้ดีกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจที่พักแรม ร้านอาหาร ร้านขายของฝากของที่ระลึก รายได้ลดลง ในภาพรวมประเมินว่ารายได้อยู่ที่ร้อยละ 48 เทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 ธุรกิจร้านขายของฝากมีการฟื้นตัวของรายได้ช้ากว่าธุรกิจอื่น อ้ตราการจ้างงานกลับมาแล้ว 99% สิ่งที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญคือ การพัฒนาทักษะให้มีคุณภาพสูงขึ้น ส่วนเรื่อง Digital Wallet ผู้ประกอบการร้อยละ 40 ไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่สามารถใช้กับการท่องเที่ยว และร้อยละ 76 ต้องการให้โครงการ Digital wallet สามารถใช้กระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้




      นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ในด้าน Demand รายได้ 35 ล้านล้านบาทนั้นสามารถทำได้ ปัจจัยอยู่ที่นโยบายรัฐ และความพร้อมของ Supply Side รัฐบาลชุดนี้ได้ขับเคลื่อนเชิงนโยบายที่ได้ผลหลายอย่างเช่น มาตรการ Free Visa 93 ประเทศ-พื้นที่ / การขับเคลื่อน
Softpower เพื่อการท่องเที่ยว / การส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ / การผลักดันให้เกิด Mega Event ต่างๆ / การส่งเสริมเมืองรองให้เป็นเมืองน่าเที่ยวผ่านมาตรการภาษี




       ด้าน นางฉลอง สงล่า ประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA) กล่าวว่า TFOPTA เป็นตัวแทนของผู้ประกอบการในต่างจังหวัดกว่า 100 สมาคม ส่วนใหญ่มาจาก 55 เมืองรอง ซึ่งวันนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รัฐบาลสนับสนุนให้เป็นเมืองน่าเที่ยว และมีนโยบายส่งเสริม เช่น มาตรการภาษีกระตุ้นสัมมนาในประเทศสำหรับนิติบุคคล และกระตุ้นการท่องเที่ยวสำหรับบุคคลธรรมดา 15,000 บาท สมาชิก TFOPTA คือ เจ้าของสินค้าและบริการในท้องถิ่น สิ่งที่ท้าทายคือ เราต้องพัฒนาสินค้าให้สะดวก สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน และมีนวัตกรรม จุดอ่อนของเมืองรองคือ ความสะดวกในการเดินทาง ความพร้อมของบุคลากรและแหล่งท่องเที่ยว และการยังไม่เป็นที่รู้จักของทั้งนักท่องเที่ยวและ Travel Agency ดังนั้นเราต้องการ 4 เรื่องคือ การฝึกอบรมและ Workshop สร้าง 5 Must do 55 เมือง บัสทัวร์ทั่วไทย 5,000 เที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวข้ามภาค 5 ภาค การจัดมหกรรมท่องเที่ยว 5 ภาค และการจัด Fam Trip แนะนำแหล่งท่องเที่ยวในเมืองน่าเที่ยวให้กับ Agent และ Influencer




         ส่วน นายกิตติ พรศิวะกิจ ประธาน Smart Tourism สทท. และกรรมการ ททท. กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในครึ่งปีแรกถือว่าทำได้ตามเป้าที่ 17.5 ล้านคน ความท้าทายอยู่ที่ครึ่งปีหลัง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ 3 Scenario คือ
1. Worse Case ถือเป็นรายได้ขั้นต่ำที่ต้องทำให้ได้ = 2.7 ล้านล้านบาท มาจาท 36 ล้านคน x 50,000 บาท ต่อคนต่อทริป = 1 .8 ล้านล้านบาท และไทยเที่ยวไทย 200 ล้านคนครั้ง x 4,500 = 0.9 ล้านล้านบาท
2. Base Case = เป้าท้าทายที่เป็นไปได้ = 3 ล้านล้านบาท มาจาก 38 ล้านคน x 50,000 บาท ต่อคนต่อทริป = 1.9 ล้านล้านบาท และ 220 ล้านคนครั้ง × 5,000 = 1.1 ล้านล้านบาท จากไทยเที่ยวไทย เป้านี้ถือว่าท้าทาย แต่มีโอกาสทำได้สูง เราควรตั้งเป็าหมายที่ 3.02 ล้านล้านบาทถือเป็น New High เพราะเราเคยได้ 3.01 ล้านล้านบาทในปี 2562
3. Best Case 3.5 ล้านล้านบาท = เป้าหมายสูงสุด ที่ทำได้จาก 40 ล้านคน x 56,000 บาท = 2.24 ล้านบาท และไทยเที่ยวไทยอีก 1.26 ล้านบาท = 229 ล้านคนครั้ง x 5,500 บาท



        ดังนั้นโจทย์ที่ต้องทำเพื่อเพิ่มรายได้จาก 2.7 เป็น 3.5 ล้านล้านบาท คือ
1. เติมจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 ล้านคน จาก 36 เป็น 40 ล้านคน
2. เพิ่มค่าใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติ จาก 50,000 เป็น 56,000 บาท
3. เพิ่มจำนวนทริปและค่าใช้จ่าย ไทยเที่ยวไทย



        นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวเสริมว่า เพื่อเพิ่มรายได้จาก 2.7 ล้านล้านบาท เป็น 3.5 ล้านล้านบาท ยุทธศาสตร์ที่ สทท. เสนอต่อภาครัฐคือ
1. เติมนักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 ล้านคน ระยะสั้น 1. 5 ล้านคน ใน Q3 เช่น ตะวันออกกลาง อินเดีย จีนและคนเชื้อสายจีน อาเชียน และออสเตรเลีย / Q4 25 ล้านคน ในช่วง Hi-Season โดย Mega Event /Joint Promotion / Influencer
2. เพิ่ม Spending โดยเพิ่มวันพัก เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อวัน เราต้องหากิจกรรมเสริม เติมเมืองน่าเที่ยว เติมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ กีฬาชุมชน สิ่งแวดล้อม อาหาร ผลไม้ สินค้าของฝาก OTOP / GI ผ่าน Softpower ต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มรายได้ 12%




3. เพิ่มรายได้ไทยเที่ยวไทยด้วย บัสทัวร์ทั่วไทย รัฐทัวร์ทั่วไทย อบท.เที่ยวช่วยชาติ และ Digital Wallet เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศ เพิ่มรายได้ 250,000 ล้านบาท ได้ในปีนี้
4. เพิ่มพันธมิตรทางการตลาด โดยสร้าง Thailand Team 29 สำนักงาน ททท. x 10 agent ช่วยกันทำตลาดเชิงรุก-เชิงรับ ร่วมกับ 100 คลังสมองท่องเที่ยวไทย
5. เพิ่มศักยภาพบุคลากรและผู้ประกอบการด้วย Tourism Clinic เช่น อบรมมัคคุเทศก์ และ facilitator สำหรับ Medical & Wellness / การฝึกอบรมภาษาอาหรับ จีน รัสเซีย เกาหลี ฯลฯ/ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและธุรกิจท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ Mega Trend / การบริหารการเงินและภาษี / การใช้เทคโนโลยี AI & Cloud เพื่อการท่องเที่ยว การยกระดับสู่ Tourism Development Goal (STG) เป็นต้น
6. เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของการท่องเที่ยวในระยะยาว เพื่อผลักดันดัชนี TTD/ จากอันดับที่ 47 สู่ 25 ของโลก โดยใช้กองทุนท่องเที่ยวฯ เพื่อซ่อมสร้างคนและแหล่งท่องเที่ยว ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย ห้องน้ำสะอาด ป้ายบอกทาง ร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อการเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน


เที่ยวจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาให้ได้ในคนละเป็ก EP.31-32 เที่ยวปัตตานี สัมผัสเสน่ห์ชายแดนใต้ สุขทันที ที่เที่ยวไทย

 เที่ยวจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  

รวมสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องมาให้ได้ในคนละเป็ก EP.31-32

เที่ยวปัตตานี สัมผัสเสน่ห์ชายแดนใต้  สุขทันที ที่เที่ยวไทย

       คนละเป็กEP.31-32 พี่เป็กและหม่อมนถนัดแดกขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในปัตตานีที่รวมความสวยงามของธรรมชาติ วัฒนธรรม ศาสนา และผู้คนที่จะทำให้คุณหลงรักเสน่ห์ของปัตตานีและได้เก็บความทรงจำดีๆของจังหวัดนี้

        เริ่มที่นี่ มัสยิดกรือเซะ มัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 450 ปี ร่วมสมัยกับยุคกรุงศรีอยุธยาปัจจุบันนี้ กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2478 และทำการบูรณะซ่อมแซมทั้งนี้เพื่อให้มัสยิดกรือเซะคงสภาพเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองปัตตานี และใช้เป็นที่ปฏิบัติศาสนกิจได้ต่อไป

        แหลมตาชี จุดอันซีนความงามจากธรรมชาติ ที่นี่จะเป็นบริเวณของสันทรายที่ยื่นออกไปในทะเล ในลักษณะแบบจะงอย ทำให้เกิดเป็นอ่าวปัตตานีด้านในของแหลม มีความยาวประมาณ 16 กิโลเมตร และชายฝั่งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอๆ จากคลื่นลมและกระแสน้ำถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่เลย

        ตลาดท่าเทียบเรือประมงปัตตานี เป็นท่าเทียบเรือประมงที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ชายแดนใต้ เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลและเป็นอีกสายน้ำทางเศรษฐกิจในพื้นที่และเป็นแหล่งส่งออกของทะเลให้กับทั่วทั้งประเทศใครอยากได้ของสดๆต้องห้ามพลาดที่นี่เลย

        แพปูโชคอุดมรัชฏ์ “รับจากทะเล คืนสู่ทะเล” พี่เป็กและหม่อมถนัดแดกพาชมกระบวนการเพาะพันธ์ปูม้าซึ่งเป็นการทำประมงอย่างยั่งยืนและได้ปล่อยแม่พันธุ์ปูลงสู่ทะเลปัตตานี โดยแพปูโชคอุดมรัชฎ์เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าเนื้อปูม้าต้มสุกพรีเมี่ยม  มีจุดเด่นเป็นเนื้อปูเกรดพรีเมี่ยม สด อร่อย เนื้อแน่น เป็นสินค้าคุณภาพขึ้นชื่อของจังหวัดปัตตานี

         ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่เมืองปัตตานีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวบ้านต่างให้ความเคารพนับถือ เดินทางมาสักการะบูชาเพื่อขอให้ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ซึ่งก็ได้สมดังหวังกันไปหลายราย เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ และศูนย์รวมศรัทธาเสมอมา

         วัดช้างให้ วัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ภายในวิหารมีรูปปั้นหลวงปู่ทวดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ นอกจากนี้ยังมีสถาปัตยกรรมของสถูปเจดีย์ มณฑป อุโบสถและหอระฆัง ที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง

          และ วัดทรายขาว จุดเริ่มต้นในอีพี32 วัดทรายขาว เป็นวัดที่มีความสวยงามอลังการด้วยสถาปัตยกรรมที่วิจิตรงดงามแปลกตา สีสดใส ทั้งพระอุโบสถ เจดีย์ วิหาร รูปปั้นเทพต่างๆ ผสมผสานศิลปะแบบหลากหลาย ทั้ง ศิลปะแบบ ไทย พม่า อินเดีย เมื่อเดินเข้ามาภายในวัดให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในดินแดนภารตะ



วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2567

สจล. อันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทย 6 สาขาวิชาที่นักเรียนอยากเรียนมากที่สุดในปี 2567

สจล. อันดับ 1 มหาวิทยาลัยไทย 6 สาขาวิชาที่นักเรียนอยากเรียนมากที่สุดในปี 2567

        สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เผยผลการจัดอันดับของThailand’s Top University (TTU) ที่เป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการรู้จักชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยหรือสถาบันฯ ของกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และนักเรียนอาชีวศึกษาที่กำลังจะเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา โดย สจล. เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐยอดนิยมที่นักเรียนอยากเรียนมากที่สุดในปี 2567  ใน 6 สาขาวิชา ดังนี้ 1.สาขาวิศวกรรมศาสตร์  2.สาขาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ 3.สาขาโลจิสติกส์ 4.สาขาดิจิทัลมีเดีย 5.สาขาวิทยาศาสตร์ และ 6.สาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์

        รองศาสตราจารย์ ดร.คมสัน มาลีสี อธิการบดี สจล. กล่าวว่า ทาง สจล. ได้ปรับปรุงหลักสูตรอยู่เสมอเพื่อให้ตอบโจทย์กับสถานการณ์ของโลกรวมไปถึงการขยายความร่วมมือทางวิชาการ และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้นักศึกษาปี 1 ได้มีผลงานโครงงานตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อสร้างประสบการณ์ในการเรียนให้นักศึกษามีความรู้ มีความสามารถตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม ทําให้บัณฑิตที่จบการศึกษาเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากภาครัฐและเอกชนเป็นอย่างดี มีส่วนทำให้ สจล. เป็นมหาวิทยาลัยยอดนิยมที่นักเรียน อยากเข้าเรียนมากที่สุด โดย 6 สาขาวิชายอดนิยม ได้แก่ สาขาวิศวกรรมศาสตร์, สาขาไอที เทคโนโลยีสารสนเทศ, สาขาโลจิสติกส์, สาขาดิจิทัลมีเดีย, สาขาวิทยาศาสตร์ และสาขาสถาปัตยกรรมศาสตร์ 

       นอกจาก 6 สาขาวิชาที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศแล้ว สจล. ยังมีอีกกว่า 200 หลักสูตรที่เปิดสอน ทั้งหลักสูตรไทย หลักสูตรนานาชาติ และหลักสูตร 2 ปริญญา ทั้งนี้ยังมีหลักสูตรที่บุคคลทั่วไปในทุกช่วงวัยสามารถเข้ามาเรียนหลักสูตรระยะสั้นได้ที่สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(KMITL Lifelong Learning Center) และ KMITL Masterclass เช่น หลักสูตร ELON KIDS คิดส์จะเป็นอีลอนคนต่อไป ซึ่งเปิดรับเยาวชนช่วงอายุ 7-18 ปี เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ที่เข้าใจง่าย รู้จัก Coding, Micro bit เบื้องต้น การเรียนรู้ IDEA KI หรือจะเป็นหลักสูตร Law for Entrepreneurs กฎหมายสำหรับผู้ประกอบการ, Robotics and AI หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ โดยในปีการศึกษา 2567 นี้ สจล. มีนักเรียนมาสมัครเข้าศึกษาต่อในระบบ TCAS ทั้ง 4 รอบเป็นจำนวนมาก แต่มีผู้ที่มีคุณสมบัติผ่านเกณฑ์ และผ่านการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อ กว่า 7,000 คน

        ทาง สจล. ได้คำนึงถึงคุณภาพการศึกษาที่ต้องมีความสอดคล้องกับบริบทและความต้องการด้านบุคลากรของสังคมเป็นสำคัญรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เข้าสู่การเป็น Digital University เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญในการเรียนการสอน สร้างโมเดล AI เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชัน KMITL UAPP ในการลงทะเบียน เช็คตารางเรียน การพัฒนาการเรียนออนไลน์ การวิเคราะห์ทักษะให้กับนักศึกษา Skills Mapping, Skills Transcript ทั้งนี้ สจล. มุ่งสร้างบัณฑิตที่มีพร้อมทำงานได้จริง เพื่อขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศ 

ติดตามความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ทาง https://www.facebook.com/kmitlofficial   และเว็บไซต์ https://www.kmitl.ac.th  และติดตามรายละเอียดหลักสูตรที่เปิดสอนได้ที่  https://curriculum.kmitl.ac.th/  หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000 


สทท. และ TFOPTA ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา

สทท. และ TFOPTA ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา




      นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) พร้อมด้วย นางฉลอม สงล่า ประธานสมาคมสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (TFOPTA)/ในนามคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมบันทึกเทปถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ณ  สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ (NBT) กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567






แอลจี เปิดตัว ‘LG Subscribe’ พลิกโฉมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

แอลจี เปิดตัว ‘LG Subscribe’ พลิกโฉมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า  เป็นเจ้าของง่ายขึ้นด้วยบริการ Subscription       บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศ...